"ปีที่ผ่านมางาน EPC เราลดลงทำให้เทรดดิ้ง ที่ขายเข้าไปในส่วนของ EPC ลดลงด้วย รวม ๆ รายได้เราลดลงไปประมาณ 1 พันล้านบาท ทำให้รายได้ต่ำกว่าปี 58 กระทบต่อกำไรด้วยแต่กำไรไม่ได้ลดลงเยอะ เพราะยังมีโรงไฟฟ้าใหม่จ่ายไฟเข้ามาในปีที่แล้ว ปีนี้รายได้เราก็น่าจะกลับมาเติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าที่จะจ่ายไฟเข้าระบบ และโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะทำให้งาน EPC ทั้งสายส่ง สถานีไฟฟ้า เพิ่มขึ้นด้วย และเรายังรองานโครงการใหม่อย่างโซลาร์สหกรณ์ที่จะเปิดรับซื้อใหม่ด้วย"นางสาวโศภชา กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นางสาวโศภชา กล่าวอีกว่า กำไรสุทธิในปีที่แล้วน่าจะทำได้ต่ำกว่าระดับ 685.14 ล้านบาทในปี 58 ซึ่งนอกจากได้รับผลกระทบจากงาน EPC แล้ว โรงไฟฟ้าพลังงานลมวายุวินด์ฟาร์ม ขนาด 50 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ล่าช้าเล็กน้อย จากกระบวนการภายในของหน่วยงานราชการทำให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาล่าช้า
ส่วนในปี 60 จะมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมเริ่ม COD อีก 60 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือทั้งหมด 488 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้ COD แล้วจำนวน 171 เมกะวัตต์ ขณะที่ในปี 61 จะมีโรงไฟฟ้า COD อีกกว่า 100 เมกะวัตต์ จาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการพลังงานลม 50 เมกะวัตต์ และโครงการในญี่ปุ่น อีก 2 โครงการ
นางสาวโศภชา เปิดเผยว่า บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ในรูปแบบพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การเข้าซื้อโครงการพลังงานลมขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ รวมถึงมองโอกาสยื่นเสนอขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ในกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะ 2 รวม 119 เมกะวัตต์ คาดหวังจะได้รับงานราว 10 เมกะวัตต์ รวม 2 โครงการ หลังจากบริษัทได้รับงานโซลาร์สหกรณ์ ระยะ 1 แล้ว 5 เมกะวัตต์ จาก 1 โครงการ
สำหรับโครงการในต่างประเทศ บริษัทให้ความสนใจลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงมาเลซีย และยังมองโอกาสลงทุนในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากกลุ่มงาน EPC และโรงไฟฟ้า เพิ่มเป็น 50% จาก 40% ในปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนรายได้จากงานเทรดดิ้งอุปกรณ์ คาดว่าจะลดลงเหลือราว 50% จาก 60% ในปีที่แล้ว
อนึ่ง ราคาหุ้น GUNKUL เช้านี้อยู่ที่ 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท (+2.46%)