นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า นางเทเรซา เมย์นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวในการแถลงจุดยืนการเจรจาออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยย้ำถึงความสำคัญในการควบคุมจำนวนผู้อพยพ การยกเลิกการยอมรับขอบเขตของอำนาจศาลและกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภายุโรป และการลดการจ่ายเงินอุดหนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นจุดยืนที่แข็งกร้าวที่นางเทเรซา เมย์ กล่าวย้ำมาตลอด
สำหรับในด้านการค้า นางเทเรซา เมย์ ย้ำว่าอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกตลาดเดียว (single market) ซึ่งต้องยอมรับกฎการเคลื่อนย้ายเสรี 4 ประการ (4 freedom) ได้แก่ สินค้า บริการ ทุน และแรงงาน เนื่องจากอังกฤษต้องการจำกัดจำนวนผู้อพยพจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้อังกฤษจะไม่เป็นสมาชิกสหภาพศุลกากร (Custom Union) ซึ่งกำหนดให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากนอกกลุ่มในอัตราเดียวกันทั้งหมด เนื่องจากอังกฤษต้องการอิสระในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดภาษีในอัตราที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ
อังกฤษดูเหมือนจะต้องการเริ่มการการค้าเสรีกับ EU ใหม่ทั้งหมด ซึ่งคล้ายกับในกรณีของแคนาดา อย่างไรก็ดี ข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่าง EU และแคนาดา (CETA) ใช้เวลาในการเจรจาถึง 7 ปี และยังไม่ครอบคลุมถึงสินค้าและบริการทั้งหมด ในขณะที่อังกฤษจะมีเวลาในการเจรจาเพียง 2 ปีตามข้อกำหนดในมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน
ทั้งนี้ มองการเจรจายังน่าจะมีความไม่แน่นอนอยู่มาก เนื่องจากทาง EU จะยังไม่เปิดเผยจุดยืนในการเจรจาจนกว่าอังกฤษจะเริ่มต้นกระบวนการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการตามมาตรา 50 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ นอกจากนี้ การเจรจายังน่าจะคืบหน้าได้ช้าในปีนี้เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งในหลายประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ในเดือน มี.ค. ,ฝรั่งเศส ในเดือน เม.ย.และเยอรมนีในเดือน ต.ค.
"ยังคงมุมมองเชิงลบและแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงจากท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจา ซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในการเจรจาการค้าและทำให้การค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปถูกกระทบอย่างรุนแรง"นายคมศร กล่าว