นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานทั้งงานภาครัฐและเอกชนในปีนี้ มูลค่ารวม 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท จากจำนวนทั้งหมดราว 30 งาน โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 45% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ดำเนินการโดยบริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือนั้น ตั้งเป้าหมายจะมีรายรับจากยอดโอนกรรมสิทธิ์เติบโตขึ้น 6 เท่า หรืออยู่ที่ 600 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายรับจากยอดโอนกรรมสิทธิ์กว่า 100 ล้านบาท และจะมีรายได้เพิ่มเป็นแตะระดับ 1 พันล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 63 โดยมีแผนการเปิดโครงการใหม่ประมาณ 2 โครงการต่อปี ขณะที่คาดว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด จะสามารถทำกำไรได้ หลังจากที่มีผลขาดทุนต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งมาในปี 56 โดยเมื่อปีที่แล้วมีผลขาดทุนกว่า 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7-8% ของรายได้รวม จากปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 1.5% ของรายได้รวม และคาดว่าในปี 61 จะมีสัดส่วนรายได้ของธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวม
"ตอนนี้มานะ พัฒนาการยังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว ยังจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งที่จะยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งการเปิดโครงการใหม่แต่ละปีเราก็วางแผนเปิดโครงการปีละ 2 โครงการ การดำเนินงานก็ค่อยเป็นค่อยไป เราก็ดูความเหมาะสมตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะอุตสาหกรรม"นายปสันน กล่าว
ด้านนายอภิชาติ รักช้าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 60 เติบโต 75% หรือมาอยู่ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 455 ล้านบาท โดยปีนี้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.6 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม Aspen Condo Phase B มูลค่า 750 ล้านบาท และโครงการบารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 มูลค่า 850 ล้านบาท
"ในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในการสื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง เพื่อให้มานะ พัฒนาการ เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค และตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้นำไลฟสไตล์ด้านที่อยู่อาศัยตาม New Brand Direction ของบริษัท ซึ่งในแต่ละโครงการจะมีการพัฒนา Concept ให้มีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของแต่ละโครงการเพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง"นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ คาดว่าจะเป็นช่วงของการฟื้นตัว โดยมุมมองของผู้ประกอบการยังเห็นว่ามีโอกาสที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะนำเสนอสินค้าที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปิดตัวโครงการต่าง ๆ และจะกลับมาสร้างความคึกคักให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง โดยรวมแล้วภาคเอกชนยังคงมีความเชื่อมั่นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ปัจจัยต่าง ๆ ภายในประเทศที่กำลังเข้าสู่สภาวะที่มั่นคงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ทิศทางของการเมืองที่จะมุ่งสู่การเลือกตั้งตามโรดแมพของรัฐบาลก็เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งในส่วนของผู้พัฒนาโครงการก็ต้องพยายามสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตามสภาวะการแข่งขันที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย