นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าภายในปี 61 จะมีความชัดเจนการเปิดสาขาในประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร
ทั้งนี้ สาเหตุธนาคารสนใจลงทุนเปิดสาขาในอินโดนีเซีย เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ตลาดหนึ่งในภูมิภาค โดยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า และมีจำนวนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค แต่ทางธนาคารกลางของอินโดนีเซียต้องการให้ธนาคาต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางการอินโดนีเซียมีกฏระเบียบว่าต้องเข้าไปซื้อธนาคารท้องถิ่นเพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันทำให้ธนาคารท้องถิ่นเสียเปรียบ
นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนจะเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 3 สาขา ประกอบด้วย เซี่ยงไฮ้ กัมพูชา และ สาขาแห่งที่ 2 ในลาว พร้อมทั้งยกระดับสาขาที่จีน 1 สาขาให้เป็นธนาคารท้องถิ่น จากสิ้นปี 59 ที่ธนาคารมีสาขาต่างประเทศอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ เซินเจิ้น เฉินตู ฮ่องกง ลาว และหลงกัง
นายพิพิธ กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อการรับชำระเงินและการลงทุนแห่งภูมิภาค (Regional Settlement and Investment) ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับการโอนเงินและชำระเงินข้ามประเทศด้วยสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาคอาเซียน การสนับสนุนลูกค้าธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนใน CLMV การจัดตั้งศูนย์ธุรกิจการค้าชายแดน เพื่อสนับสนุนการทำการค้าชายแดน (Border Trade) สนับสนุนการระดมทุนเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโรงไฟฟ้า ถนน และท่าเรือในกลุ่มประเทศ CLMV รวมทั้งการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทไทยและญี่ปุ่น
"ปี 60 เดินหน้าขยายเครือข่ายในต่างประเทศ ได้แก่ การยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน การเพิ่มสาขาแห่งที่ 2 ของธนาคารท้องถิ่นในสปป.ลาว การเพิ่มปริมาณธุรกิจของสาขากรุงพนมเปญ และหาแนวทางเปิดสาขาในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และ เมียนมาภายในปี 61 โดยจะเน้นที่อินโดนีเซียก่อน เพราะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าไทย 3 เท่า "นายพิพิธ กล่าว