(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลง กังวลเฟดจะปรับขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อขยับใกล้เป้าหมาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 19, 2017 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงแต่ไม่มาก เนื่องจากได้ Sentiment จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) งวดเดือนธ.ค.ได้ปรับตัวขึ้นไปในระดับเป้าหมายของเฟดแล้วที่ 2% และประธานเฟดก็แถลงว่า ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน และเงินเฟ้อ ต่างก็ใกล้เป้าหมายแล้ว จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีจะขึ้นในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีการแถลงอะไรออกมาอีกหรือไม่

พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,804.72 จุด ลดลง 22.05 จุด (-0.11%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,555.65 จุด เพิ่มขึ้น 16.93 จุด (+0.31%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,271.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด (+0.18%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 188.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 17.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.88 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ม.ค.60) 1,560.83 จุด ลดลง 6.01 จุด (-0.38%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,171.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ม.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ม.ค.60) ปิดที่ 51.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ม.ค.60) ที่ 7.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.44 กลับมาอ่อนค่า หลังประธานเฟดออกมายืนยันทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย
  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้สัมภาษณ์วอลสตรีท เจอร์นัล ว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐอยู่ในระดับแข็งค่ามากเกินไป ส่วนหนึ่งเพราะจีนกดค่าเงินหยวนให้ต่ำลง ทำให้บริษัทอเมริกันไม่สามารถแข่งขันได้ และเป็นผลเสียต่อสหรัฐ โดยดัชนีค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าแล้ว 6% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือน พ.ย. 2559
  • ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ของบริษัทเอกชน ทั้งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และบริษัทนอกตลาดหุ้น กำลังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ต้องออกมายืนยันว่า หนี้ของบริษัทจดทะเบียนไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากลัว กรณีผิดนัดชำระหนี้มาจากกรณีที่แตกต่างกัน ตลท.ได้ให้บริษัทจดทะเบียนที่ออกตั๋วบี/อี 100 กว่าราย จัดการตรวจสอบตัวเองวางแผนจัดการ เช่น ต้องมีเงินพอสำหรับชำระหนี้
  • กระทรวงการคลังได้อนุมัติขยายโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ระยะที่ 3 เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ดำเนินการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ซึ่งมีวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จากที่สิ้นสุดไปเมื่อสิ้นปี 2559 ที่ผ่านมา โดยให้ขยายเวลาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 31 ต.ค. 2560 หรือจนกว่าเงินที่กำหนดไว้ได้ถูกจัดสรรหมดแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน และธนาคารออมสินจะเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 30 ธ.ค.2560
  • "ส.อ.ท." เผยยอดผลิตรถยนต์เดือน ธ.ค. ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน อยู่ที่ 135,792 คัน ลดลงจากปีก่อน 11.07% ด้านดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน ธ.ค.59 โตต่อเนื่องที่ระดับ 88.5 เผยภาคเอกชนห่วงน้ำท่วมทำให้กระทบหนัก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CEN-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 372,366,551 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 23 ธ.ค.59 และวันครบกำหนดอายุตรงกับวันที่ 22 ธ.ค.61 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มี.ค.61 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 21 ธ.ค.61
  • TCAP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 52 บาท ประกาศกำไร 4Q59 ที่ 1,694 ล้านบาท เติบโต 13%QoQ และ 25%YoY โดยการขายประกันและกองทุนรวมในช่วงปลายปีทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้สูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่คาด ด้านคุณภาพหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง สัดส่วน NPL Coverage Ratio ขึ้นมาอยู่ที่ 148.6% แล้ว โดยมองว่าเป็นปัจจัยที่จะทำให้แรงกดดันจากสำรองหนี้สูญในปี 60 ลดลง และช่วยผลักดันกำไรได้ โดยมอง TCAP เด่นทั้งในด้านการเติบโตของกำไร และสำรองที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายกันที่ Forward PBV ต่ำเพียง 0.9 เท่า
  • TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต ความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนที่เป็นโภคภัณฑ์ต่ำกว่าเนื้อสัตว์บก และไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดนกในยุโรปและเอเชีย
  • ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท แนวโน้มกำไรยังเป็นขาขึ้น เราคาดกำไร 4Q16 +89% Q-Q, +2% Y-Y จาก Occupancy rate และ Gross margin ของโรงแรมที่น่าจะดีขึ้นซึ่งชดเชยรายได้จากงาน Event และงานสัมมนาที่ลดลงจากผลของการไว้ทุกข์ได้หมด ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2016 +78% Y-Y เราคาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง +18% Y-Y โดยที่กำไร 1Q17 น่าจะทำสถิติสูงสูงสุดของปีเพราะเป็น peak season

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ