โบรกฯแนะ"ซื้อ"TACC มองกำไรปี 59-60 โตโดดเด่นตามสาขาร้านเซเว่นฯ,ออกสินค้าใหม่หนุน Upside

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 19, 2017 15:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) หลังมองกำไรปี 59-60 เติบโตโดดเด่น ตามการขยายตัวของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และการขยายของมุมการแฟ All Cafe ที่ยังมีศักยภาพเติบโต นอกจากนี้ ยังรุกเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดเปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์ใหม่ Jump Start รุกตลาดในกัมพูชา ซึ่งมีพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายสินค้าของ TACC ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เชื่อว่าจะทำให้สินค้าใหม่ประสบความสำเร็จ และเป็น Upside ให้กับ TACC ในอนาคต

ส่วนแนวโน้มระยะสั้น คาดว่า TACC จะประกาศผลกำไรในไตรมาส 4/59 อย่างน่าประทับใจทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้การขายสินค้าลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ ตัวการ์ตูนชั้นนำในกลุ่ม Sanrio จะได้รับการตอบรับไม่ดีนัก แต่ก็จะได้รับการชดเชยจากการจากการประสบความสำเร็จของสินค้าใหม่อย่างโดนัทสไตล์ญี่ปุ่น

ราคาหุ้น TACC อยู่ที่ 9.20 บาท ลดลง 0.25 บาท (-2.65%) ขณะที่ SET Index ขณนะติดลบ 0.79%

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          บัวหลวง                      ซื้อ                       12.30
          ฟินันเซีย ไซรัส                 ซื้อ                       11.50
          กรุงศรี                       ซื้อ                       10.00

นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของ TACC ยังคงเติบโตตามการขยายตัวของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และมุมกาแฟ All Cafe รวมถึงการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องที่ยังได้รับการตอบรับที่ดี จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไร ขณะที่ล่าสุดออกสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์ใหม่ Jump Start ในกัมพูชา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจชาเขียว Zenya ที่มีอยู่เดิม ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

"TACC ทำยอดขายชาเขียวในกัมพูชาเติบโตอย่างดี ซึ่งการที่จะทำตลาดต่างประเทศสำเร็จได้ คือการมี distributor ที่แข็งแกร่ง ก็ทำให้มีโอกาสที่สินค้าใหม่ Jump Start จะประสบความสำเร็จด้วย แต่ในระยะสั้นเรายังไม่เห็นผล คงต้องรอดูตลาดอีกระยะหนี่ง"นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ยังคงมีความมั่นใจในประเด็นการเติบโตในอนาคตของ TACC ทั้งในส่วนของธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/59 จะทำจุดสูงสุดได้ตามคาด หนุนให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 อยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 50% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกราว 40% มาที่ระดับ 146 ล้านบาทในปีนี้

โดยมีปัจจัยหนุนจากการติดตั้งตู้กดเครื่องดื่มเย็น และเครื่องดื่มร้อน ที่ขยายตัวตามร้านเซเว่นฯ และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ที่ส่งให้กับมุมกาแฟ All Cafe ในร้านเซเว่นฯ ก็จะขยายตัวตามการเปิดมุมกาแฟที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังจะรับรู้รายได้เต็มปีจากการจำหน่ายสินค้าโดนัท สไตล์ญี่ปุ่น ที่ได้รับกระแสการตอบรับที่ดี หลังจากเปิดจำหน่ายสินค้าดังกล่าวเมื่อช่วงเดือนก.ย.59

นอกจากนี้ยังเป็นการเติบโตจากตลาดในกัมพูชา โดยเฉพาะชาเขียว Zenya ที่ยอดขายในไตรมาส 4/59 จะเติบโตได้ดีจากการออกโปรโมชั่นลุ้นรับโชคดื่มฟรี และในปีนี้ยังได้ออกเครื่องดื่มชูกำลัง Jump Start เป็นสินค้าใหม่เพิ่มเติม และยังคาดว่าจะได้เห็นรายได้ในจีนเพิ่มขึ้น จากการขายน้ำทุเรียนและน้ำมะม่วงซึ่งจะเริ่มส่งของล็อตแรกในไตรมาส 1/60 ด้วย

ด้านบทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ TACC ในไตรมาส 4/59 จะมีกำไรสุทธิที่น่าประทับใจและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาอยู่ที่ระดับ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 107% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากจะเป็นการเติบโตตามปัจจัยฤดูกาล

และแม้การวางขายสินค้า Sanrio โดยเฉพาะในกลุ่มคอสเมติกส์ และนอนฟู้ดส์ จะได้รับการตอบรับที่ไม่ดีนัก โดยทำรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ยกเว้นส่วนของกลุ่มเครื่องเขียนถือว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ แต่เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบจำกัดต่อ TACC เพราะด้วยอายุสัญญาการใช้ตัวการ์ตูน Sanrio ที่ค่อนข้างสั้นเพียง 5 เดือน ระหว่างเดือนส.ค.-ธ.ค.59 รวมถึงได้ใช้กลยุทธ์ลดราคาในช่วงท้ายเดือนธ.ค.59 เพื่อระบายสต็อกให้หมด

อย่างไรก็ตาม คาดว่า TACC จะได้รับการชดเชยทั้งหมดจากการประสบความสำเร็จของสินค้าใหม่อย่างโดนัท สไตล์ญี่ปุ่นที่เริ่มวางขายในร้านเซเว่นฯ ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.59 ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับสินค้า Sanrio และได้เข้าร่วมแสตมป์โปรโมชั่นในเดือนต.ค.59 ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างน่าประทับใจและยังเป็นไปตามคาดการณ์ โดยคาดกำไรสุทธิปี 59 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 102 ล้านบาท เติบโตสูง 50% จากปี 58

สำหรับสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดกัมพูชา ที่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้แบรนด์ใหม่ Jump Start และจะเริ่มวางขายเครื่องดื่มผงรสชาติทุเรียนและมะม่วงในตลาดจีน ภายใต้แบรนด์ Sawasdee ตั้งแต่เดือนก.พ. เป็นต้นไป จะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้จากการส่งออกได้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 12% ของรายได้

ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มกำไรสุทธิของ TACC ในปี 60 ขึ้น 6.2% เป็น 171 ล้านบาท เติบโต 67.7% จากปี 59 จากการรวมสินค้าใหม่ที่เห็นความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นทั้ง Jump Start, Sawasdee และการเป็นซัพพลายเออร์ให้กับร้านกาแฟมวลชน เข้าไปในประมาณการ ซึ่งสามารถชดเชยการปรับลดสมมติฐานของเครื่องกดเครื่องดื่มแบบร้อนที่ล่าช้าได้ทั้งหมด โดยสินค้าเดิมที่มีอยู่ และสินค้าใหม่ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขายไปมุมกาแฟ All cafe จะส่งผลบวกต่อการเติบโตของกำไรได้มากกว่าเครื่องกดเครื่องดื่มแบบร้อน อย่างไรก็ตามประมาณการกำไรดังกล่าวยังคงมี Upside จากสินค้าใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยประเมินว่า TACC จะมีกำไรราว 130 ล้านบาทในปีนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) ราว 0.22 บาท/หุ้น และมี Upside จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องดื่มชูกำลังที่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากเบื้องต้นมองว่ามูลค่าตลาดที่กัมพูชาอยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท/ปี มีอัตรากำไรสุทธิของธุรกิจเฉลี่ย 10-15% และ Upside ของประมาณการจะอยู่ที่การแย่งส่วนแบ่งตลาด โดยทุก ๆ ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น 1% ประมาณการกำไรของ TACC จะเพิ่มขึ้นราว 2-3% บนพื้นฐานที่ปัจจัยอื่น ๆ คงที่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ