นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST)ประเมินตลาดหุ้นไทย ในวันนี้ (25 ม.ค.)ว่า ในภาพรวมแนวโน้มตลาดยังดี การสูงขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯและนักลงทุนไม่ได้มองนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในทางที่เป็นลบจนกดดันตลาด ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นบวกได้ต่อเนื่อง
"วันนี้ Event ที่น่าติดตามคือ รองนายกฯ ดร.สมคิด จะเป็นประธานในการประชุม PPP ซึ่งจะเกี่ยวข้องการการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมทั้ง การแถลงแนวโน้มปี 2560 โดย BOI"
อนึ่ง บ่ายวันนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะแถลงสภาวการณ์ลงทุนปี 59 และแนวโน้มการลงทุนปี 60 รวมทั้งความพร้อมในการจัดงาน Opportunity Thailand
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวแบบ sideway มาตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. หรือหยุดพักมาเดือนกว่าๆ วันนี้ นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐก็ชัดขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว นโยบายที่จะเพิ่มการจ้างงานคนอเมริกัน ดูเหมือนจะเห็นผลลเร็วกว่านโยบายอื่น เพราะมีหลายบริษัท โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ประกาศย้ายโรงงานเข้าไปตั้งยังสหรัฐฯ (ผู้เสียประโยชน์จะเป็นประเทศในกลุ่ม NAFTA) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ยอดขายบ้านมือสอง และตัวเลข PMI) ก็ออกมาดี ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ออกมาดีเช่นกัน ทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมากในคืนที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์และ Bond Yield นั้นปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนมาจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดึ้น เราประเมินว่าการที่ตัวแปร 3 ตัว คือ ตลาดหุ้น-ดอลลาร์-พันธบัตร ออกมาในทางนี้ น่าจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆ ด้วย
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวโน้มเดินหน้าต่อ เช้านี้ อยู่ที่ 52-53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาสินค้าโภคภํณฑ์ ที่ปรับดีในส่วนของโลหะ หุ้นของเรา ที่ยังแนวโน้มดีๆ ก็คงเป็น โรงกลั่นน้ำมัน-ปิโตรเคมีขั้นตัน-เหล็ก-ถ่านหิน
ส่วนปัจจัยภายในของตลาด ตอนนี้กระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่ดันตลาดอยู่จะเป็นของกองทุนในประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศเลือกขายบางตัวที่ราคาขึ้นมามาก (ดูจากปริมาณการซื้อขายใน NVDR) แรงซื้อที่เข้ามาในตลาดยังกระจุกตัวอยู่ในหุ้นบางตัวหรือบางกลุ่ม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท และมาตรการกระตุ้นการลงทุน เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ด้วยปฎิกริยาของนักลงทุนต่อนโยบายของนาย Trump ออกมาในทางที่เป็นบวกมากว่า จึงเป็นบวกต่อตลาด กลยุทธ์ยังเป็น Selective buy เน้นหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มที่เป็น Domestic Play ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น IVL , KCE , BJC , SCN , VGI , HTECH