นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 15-20% จากปีก่อนคาดรายได้น่าจะทำได้ราว 10,000 ล้านบาท โดยการเติบโตปีนี้จะเป็นไปตามอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10-15% จากการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งระบบภาพและระบบเสียง ซึ่งเป็นจุดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าส่งผลให้อุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายก้าวสู่ MAJOR 5.0 Digitalization Society คือ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาให้บริการลูกค้า
บริษัทยังตั้งเป้าจะมีโรงภาพยนตร์ครบ 1,000 โรง ภายในปี 63 ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV ขณะที่ปีนี้มีแผนขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มเติมอีก 70-80 โรง วางงบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงภาพยนตร์ในประเทศลาว จำนวน 1 โรง และในประเทศกัมพูชา 1-2 โรง ที่เหลือจะเป็นการขยายในประเทศ ซึ่งจะเน้นในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น และน่าจะเห็นการขยายโรงภาพยนตร์ไปยังระดับอำเภอและตำบล ที่ไปพร้อมกับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีและโลตัส มากขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมีโรงภาพยนตร์ทั้งหมดราว 700 โรง โดยมีสัดส่วนโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ 50:50 คาดว่าปีนี้สัดส่วนโรงภาพยนตร์ต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52-53%
นอกจากนี้ มองอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวมในปีนี้ จะมีภาพยนตร์เข้าฉายจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของ Hollywood ที่เริ่มเปิดตัวภาพยนตร์กันอย่างต่อเนื่อง เช่น Transformers, Fast and Furious 8 รวมถึงภาพยนตร์จากค่ายดิสนีย์ ส่วนภาพยนต์ไทยก็น่าจะมีภาพยนตร์ใหม่ ๆ ออกมาหลายเรื่อง โดยเร็วๆ นี้จะมีของค่าย GDH อย่าง "Mr.Hurt มือวางอันดับเจ็บ" ส่วนกลุ่มเมเจอร์ คาดจะนำภาพยนตร์ของค่ายเมเจอร์เข้าโรงฉายปีนี้ 12 เรื่อง วางงบลงทุนเรื่องละ 30 ล้านบาท
"ปีนี้เรามองว่าอุตสาหกรรมหนังน่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากหนังเข้าฉายหลายๆเรื่อง ทั้งของ Hollywood และในประเทศไทยเอง ทำให้มองว่าอุตสาหกรรมฯน่าจะเติบโต 10-15% และเราก็น่าจะเติบโตได้ราว 15-20%"นายวิชา กล่าว