นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวก แต่อาจจะยังแกว่งตัวในกรอบและย่อตัวลงระหว่างทาง หลังจากดีดตัวขึ้นมามากก่อนหน้านี้จากแรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นบิ๊กแคปเป็นรายตัวเท่านั้น ประกอบกับ ดัชนีมีแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,600 จุดที่ยังผ่านไปไม่ได้ ขณะที่ตามสถิติที่ผ่านมาพบว่ามูลค่าการซื้อขายน่าจะชะลอตัวลง หลังจากพุ่งขึ้นไประดับ 6-7 หมื่นล้านบาท/วัน
อีกทั้งวันนี้หลายตลาดหุ้นเอเชียปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีนด้วย ก็อาจจะกดดันให้ดัชนีพักความร้อนแรงลงบ้าง แต่คงจะไม่มากนักเพราะภาพรวมผลประกอบการของ บจ.ยังดีอยู่
นอกจากนี้ ยังคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจจะชะลอการลงทุน เพื่อรอดูปัจจัยที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยในปัจจัยในต่างประเทศยังต้องติดตามการประชุมของ BOJ และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ของเฟด ส่วนภายในประเทศ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบจ. และตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนของธปท. รวมถึงยังต้องติดตามเม็ดเงินไหลเข้า (Fund Flow) ที่ยังมีทิศทางไม่นิ่งแม้เมื่อวานจะกลับมาซื้อสุทธิค่อนข้างมาก แต่ก่อนหน้านั้นก็ขายสุทธิออกมาบางส่วนด้วยเช่นกัน
พร้อมมองแนวรับบริเวณ 1,583 และ 1,576 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,604 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,100.91 จุด เพิ่มขึ้น 32.40 จุด (+0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,655.18 จุด ลดลง 1.16 จุด (-0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,296.68 จุด ลดลง 1.69 จุด (-0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 51.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 35.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.58 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน,จีน และเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.60) 1,591.00 จุด เพิ่มขึ้น 6.71 จุด (+0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,069.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.60) ปิดที่ 53.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.60) ที่ 6.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.30/34 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบหลังไร้ปัจจัยสำคัญ มองกรอบวันนี้ 35.25-35.40
- คลังขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบิน 4 บาทต่อลิตรจากเดิม 20 สตางค์ต่อลิตร และเก็บภาษีน้ำมันหล่อลื่น ลิตรละ 5 บาทจากเดิมไม่เก็บ ชี้สร้างความเป็นธรรม-ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีผล 25 ม.ค. คาดรายได้รัฐเพิ่ม 8 พันล้านบาท ด้านปตท.รับต้นทุนน้ำมันหล่อลื่นขยับ 5.50 บาทต่อลิตร เตรียมหารือสรรพสามิต ก่อนตัดสินใจขึ้นราคาหรือไม่
- สคร.จ้างศึกษาปลดล็อกกฎหมายพีพีพี หวังดึงต่างชาติร่วมทุนเมกะโปรเจค หลังไม่มีนักลงทุน ต่างชาติยื่นประมูลรถไฟฟ้าเหลือง-ชมพู ด้านคมนาคมเคาะ 6 เมกะโปรเจค มูลค่า 6.7 แสนล้านบาท เข้าพีพีพีฟาสต์แทรคปีนี้ ด้าน"อภิศักดิ์"ระบุ รัฐพร้อมลงทุน หากไม่มีเอกชนสนใจ
- รมว.คลัง เผยว่าวันนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบกลางปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท โดยเป็นการกู้เพิ่ม 1.6 แสนล้านบาท จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้
- ธปท.ระบุว่าปีนี้ยังเป็นปีที่เอกชนน่าจะเร่งลงทุน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเอื้อ ทั้งภาครัฐให้สิทธิพิเศษทางภาษีและต้นทุนการเงินของภาคเอกชนยังไม่สูงมาก ขณะที่ต้นทุนการเงินหรือดอกเบี้ยในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐทำให้แนวโน้มต้นทุนทางการเงินจะเริ่มปรับสูงขึ้นในอนาคต ปีนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ภาคเอกชนควรพิจารณาขยายการลงทุนอย่างจริงจัง
- ธปท.มองเศรษฐกิจปี 60 ยังฟื้นตัวท่ามกลางความผันผวนที่พุ่งสูงมหาอำนาจสหรัฐฯ-ยุโรป-จีนกระหน่ำปัจจัยเสี่ยงซ้ำเศรษฐกิจไทย ชี้คอร์รัปชันทำเอกชนไม่เชื่อมั่นลงทุน แนะปรับโครงสร้างระยะสั้น-ยาว "ส่งออก ลงทุน หนี้ครัวเรือน" ระบุยังใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย แม้ดอกเบี้ยโลกเป็นขาขึ้น พร้อมดูแลค่าเงินบาทดอกเบี้ยเอื้อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
- KSL (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท หลังมองภาพรวมทุกธุรกิจสดใส จากราคาน้ำตาลที่อยู่แนวโน้มขาขึ้นไปจนถึงปี 60/61 ,การ Turn Around ครั้งแรกของธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศ , การเติบโตของธุรกิจเอทานอลจากราคาขายที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน จากทิศทางราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว , ปริมาณขายไฟในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยายตัว และโอกาสรับรู้รายการพิเศษอีกกว่า 200 ล้านบาท ประกอบกับมีความต้องการในเอเชียมีแนวโน้มขาดดุล และไทยได้เปรียบจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ พร้อมคาดกำไรปกติปี 59/60 จะเติบโตกว่า 40% YoY ราคาปัจจุบันคิดเป็น P/E ที่เพียง 19 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีที่ 23 เท่า และ P/E เฉลี่ยย้อนหลังช่วงปี 51-54 ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำตาลโลกขาดดุลที่ 28 เท่า
- PSH (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท ซึ่งปรับขึ้นจากเดิมที่ 27 บาท เนื่องจากปรับคาดการณ์กำไรปี 60 เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยเป็น 6,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY หลังหลายโครงการในปี 59 มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ และมีการเร่งเคลียร์สต็อกเดิม ขณะที่โครงการแนวราบที่เปิดตัวใหม่ในปี 60 เริ่มมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและดีกว่าที่เคยคาดไว้เดิม
- PTTEP (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) แนะ"ซื้อเก็งกำไร" จากเดิม"ถือลงทุน" และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 106 บาท จาก 96 บาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาขายก๊าซและผลประกอบการอ่อนแอที่เป็นระดับต่ำสุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้วใน 4Q59 , ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้นใน 4Q59 จะส่งผลบวกเต็มที่ต่อราคาขายก๊าซและผลกำไรใน 2H60 ขณะที่ระยะยาว ยังคงคาดหวังผลสำเร็จใน 2 ประเด็นคือ การเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่คาดจะได้ข้อสรุปภายในปี 60 และการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ในปีนี้ โดย PTTEP มีโอกาสสูงที่จะชนะประมูล (รวมถึงการต่ออายุสัมปทานบงกช) ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะทำให้ปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น