โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.มาลีกรุ๊ป (MALEE) หลังมองแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 60 ยังโตแกร่งจากการส่งออก โดยเฉพาะธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (CMG) ที่คาดยอดส่งออกสดใสเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญคือเพิ่มการส่งออกน้ำมะพร้าว
ส่วนการลงทุนใน Monde Malee Beverage(MMBC) และ Mega Malee จะช่วยเพิ่มความหลากหลายในธุรกิจและหนุนการเติบโตระยะยาว มีนอกจากนี้มีแผนเพิ่มพันธมิตรขยายตลาดใหม่อีกในปีนี้ ขณะที่ปี 59 ผลการดำเนินงานโตดีจากทั้งธุรกิจตราสินค้าของบริษัท (Brand) และ CMG
MALEE ยังวางแผนเติบโตในระยะยาว ด้วยการตั้งเป้ายอดขายระดับ 1 หมื่นล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือเติบโตกว่า 47% จากยอดขายปัจจุบัน โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ การรับจ้างผลิตน้ำมะพร้าวที่เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับตลาดน้ำมะพร้าวโลก
ราคาหุ้น MALEE ล่าสุดอยู่ที่ 102.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+0.49%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.11%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 120 กรุงศรี ซื้อ 120 ไอร่า ซื้อ 130 ทิสโก้ ซื้อ 140 น.ส.นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) มองแนวโน้มกำไรสุทธิปี 60 ของ MALEE เติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะเติบโต 23.1% อยู่ที่ 673.1 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 18.1% มาอยู่ที่ 8,125.4 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตหลักยังมาจากธุรกิจ CMG มีลูกค้ารายเดิมสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น และการได้ลูกค้ารายใหม่ ซึ่ง MALEE จะเน้นสินค้ากลุ่ม non-coconut มากขึ้น และเติบโตในต่างประเทศ เช่น CLMV และจีน ล่าสุดมีการใช้ Utilization rate เพียง 60-65% จึงยังมีกำลังผลิตเพียงพอต่อการเติบโตดังกล่าว ขณะที่คาดว่าธุรกิจ Brand เติบโตได้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากในประเทศ จึงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงในตลาดเครื่องดื่ม ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 33.7% ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น (Economies of scale) สำหรับ "Monde Malee" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์เพื่อผลิตและส่งออกเครื่องดื่ม ขยายตลาดและพัฒนาแบรนด์เครื่องดื่มในฟิลิปปินส์นั้น คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเข้ามาในปี 60 แต่เชื่อว่าจะเริ่มทำกำไรในปี 61 หลัง MALEE รุกทำตลาดต่อเนื่อง พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่อีก 2 ตัวในปี 60 มองว่าธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสเติบโตดี จากความนิยมบริโภคกาแฟและมูลค่าตลาดกาแฟในฟิลิปปินส์ค่นอข้างใหญ่ อย่างไรก็ตาม MALEE ยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงในตลาดกาแฟ และลักษณะประเทศที่เป็นหมู่เกาะทำให้กระจายสินค้าลำบาก นอกจากนี้ MALEE ได้เปิดตัวอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ "Mega Malee" เพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ พร้อมแผนเปิดตัวสินค้าตัวแรกเกี่ยวกับสุขภาพช่วงกลางปี 60 มองว่าธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตดี จากกระแสรักสุขภาพและจำนวนคู่แข่งที่ยังน้อยในปัจจุบัน ส่วนผลประกอบการปี 59 คาดว่า MALEE จะมีกำไรสุทธิโตเด่น 65.3% อยู่ที่ 546.6 ล้านบาท จาก 3 อานิสงส์ คือ รายได้เพิ่มขึ้น 26.7% อยู่ที่ 6,879 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจ CMG ที่เติบโตแข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากต่างประเทศ ธุรกิจ Brand ดีจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ใน Mega Trend และการจัดกิจกรรมทางการตลาด ตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้แท้ 100% (Premium) เติบโต 8% อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 33.3% เทียบ 32.8% ในปี 58 จากการบริหารต้นทุนในการผลิตได้ดี และการใช้อัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้น ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลดลงมาที่ 23.8% เทียบ 26.0% ในปี 58 จากการบริหารค่าใช้จ่ายทางการตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสัดส่วนยอดขาย Brand ลดลง ด้านส่วนแบ่งเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้า Monde Malee ประเทศฟิลิปปินส์ คาดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุน เข้ามาเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจและยังมียอดขายไม่มาก "แนะซื้ออยู่ในเชิงพื้นฐาน แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงในช่วงที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะก่อนหน้ามีแรงเก็งกำไรจะเข้า MSCI พอผลออกมาแล้ว ประกอบกับราคาหุ้นก็ปรับขึ้นเยอะแล้ว อาจมีบ้างที่ take profit ระหว่างทางลงมา กำไรปี 59 โตเยอะเพราะ CMG ที่ผลิต แนวโน้มปี 60 ยังมีการขยายฐานลูกค้า CMG มากขึ้นช่วยรองรับการเติบโต แต่ตัวเลขกำไรคงโตไม่เท่าปี 59 ที่เติบโตสูง"น.ส.นารีกล่าว นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี คาดว่า ผลประกอบการของ MALEE ในไตรมาส 4/59 จะอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการส่งออกน้ำมะพร้าวจะลดลงในฤดูหนาว ขณะที่คาดว่ายอดขายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่มในประเทศก็จะอ่อนลงในช่วงถวายความอาลัย อย่างไรก็ตาม ได้ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 33.5% สำหรับปี 59 และปี 60 โดยมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขายในประเทศและการส่งออกน้ำมะพร้าว รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน (JV) ในฟิลิปปินส์ และ Mega Malee JV คาดว่ายอดส่งออกน้ำมะพร้าว (70% ของการส่งออกทั้งหมดของ MALEE) จะโตเฉลี่ยปีละ 25% ในช่วงปี 58-61 ตามตลาดน้ำมะพร้าวในโลกจากการที่ผู้บริโภคเลือกน้ำมะพร้าวในฐานะที่เป็นเครื่องดื่มตามธรรมชาติที่ให้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าหลักของ MALEE กำลังขยายช่องทางการจำหน่ายไปทั่วโลก เช่น VITA COCO ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำมะพร้าวอันดับหนึ่งของโลกในสหรัฐ ได้ขายหุ้น 25% ให้กับ Reignwood Group ของจีน เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน ในขณะที่ JV ในฟิลิปปินส์ก็จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในไตรมาส 1/60 ซึ่งคาดว่าจะช่วยพลิกฟื้นผลการดำเนินงานได้ ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิในปี 59 และ 60 จะเพิ่มขึ้นถึง 77% และ 30% ตามลำดับ "มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการส่งออกน้ำมะพร้าว และเห็นว่ายังมีมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังมี discount แนะซื้อในเชิงพื้นฐาน ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเราก็ยัง maintain target ที่ 120 บาท เพราะหุ้นที่ปรับลงจากปัจจัยอื่นคือภาษีน้ำหวานในไทยและในฟิลิปปินส์ที่มีแผนจะเก็บ ประกอบกับราคาหุ้นที่ขึ้นไปแรงมากก็มี take profit ลงมา ผลประกอบการไตรมาส 4/59 กำไรน่าจะชะลอตัวเพราะถ้าดูจากยอดขายที่โตแรงจากการส่งออกน้ำมะพร้าวในไตรมาส 3/59 แต่พอไตรมาส 4 เป็นช่วงหน้าหนาวก็คงชะลอเพราะเป็นโลว์ซีซั่น ขณะที่ในประเทศก็เป็นช่วงไว้อาลัย กระทบภายในปรเทศการจัดงานรื่นเริงก็ไม่มี"นายสุนทร กล่าว นายสุนทร กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มปี 60 คาดกำไรยังโตต่อเนื่อง เพราะน้ำมะพร้าวเป็น Nature trend เติบโตต่อ แต่ก็มีปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ ทำให้ MALEE จึงยังรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้ไม่ทั้งหมด เพราะต้องมีสัญญากับเกษตรกร ขณะที่มองว่าหากราคาหุ้นต่ำกว่า 100 บาท เป็นราคาที่น่าสนใจในแง่ซื้อเพื่อลงทุน ด้านบทวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุว่า MALEE ตั้งเป้ายอดขายเติบโตแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาทในปี 61 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของยอดขายกว่า 23% รวมถึงตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 10% จากระดับเฉลี่ย 3 ปีล่าสุดอยู่ที่ 6.9% โดยได้รับประโยชน์จากต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลงจากการผลิตในปริมาณที่มากขึ้น ทั้งนี้ การเติบโตของ MALEE ก้าวไปพร้อมกับลูกค้าธุรกิจ CMG ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขาย โดยในไตรมาส 3/59 รายได้จากธุรกิจ CMG เพิ่มขึ้นถึง 100% ตามตลาดน้ำมะพร้าวโลกที่เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณรับจ้างผลิตน้ำมะพร้าวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากลูกค้าผู้จัดจำหน่ายน้ำมะพร้าวรายใหญ่ในสหรัฐฯที่มองเห็นโอกาสและขยายตลาดไปยังยุโรปและออสเตรเลีย มองว่าธุรกิจ CMG ของ MALEE จะได้รับประโยชน์และสามารถเติบโตตามตลาดน้ำมะพร้าวโลกที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยในระดับสูงได้ นอกจากนี้ รุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในส่วนของสินค้าภายใต้แบรนด์ MALEE นอกเหนือจาก 3 ประเทศส่งออกหลักอย่าง กัมพูชา ฟิลิปปินส์และจีน ที่ยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง MALEE ยังคงมองหาโอกาสขยายตลาดต่างประเทศอยู่เสมอ และมีแผนในการเปิดตลาดใหม่ในประเทศเวียดนามและปากีสถานในปี 60 นี้ ทั้งนี้ ประเมินกำไรของ MALEE ในปี 60 ที่ 607 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 4.34 บาท เติบโต 21% จากปีก่อน มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยอีก 3 ปีข้างหน้าที่ 29% และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เฉลี่ยในอีก 3 ปีข้างหน้าเป็น 33% ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MALEE มีแผนขยายตลาดส่งออกแบรนด์ของตัวเอง โดยตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยเฉพาะในตลาดจีน กัมพูชา และฟิลิปปินส์ จากการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายและออกสินค้าใหม่ สำหรับธุรกิจ CMG คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องที่ระดับ 25% เติบโตตามเครื่องดื่ม น้ำมะพร้าวตลาดโลกที่กำลังเป็นที่นิยม และ MALEE ยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารับจ้างผลิตที่จีนและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกจากปัจจุบันมีลูกค้ารับจ้างผลิตประมาณ 30 ราย ปีนี้ MALEE มีแผนเปลี่ยนไลน์เครื่องจักรการผลิตใหม่แทนตัวเดิมจะทำให้เพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 10% และเตรียมเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิตสินค้าใหม่ของ Mega Malee โดยคาดว่าจะออกสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มใหม่นี้ได้ในครึ่งปีหลังของปี 60 ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัท