หุ้น THCOM ราคาปรับขึ้น 4.31% มาอยู่ที่ 21.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 413.37 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.09 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 22 บาท สูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนนับจากระดับ 22.10 บาทเมื่อวันที่ 1 ก.ย.59 ขณะที่ระหว่างวันราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.00 บาท
นักวิเคราะห์ จากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง คาดว่าหุ้นบมจ.ไทยคม (THCOM) ปรับขึ้นในวันนี้ หลังได้รับผลบวกจากข่าวที่ THCOM จะดึงบมจ.กสท.โทรคมนาคม (กสท.) เข้ามาร่วมทุนในดาวเทียมไทยคม 9 ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการได้ก็จะทำให้ WIN- WIN ทั้งคู่ และ THCOM ก็จะสามารถรักษาระดับอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ไว้ได้ เพราะจะไม่ขาดช่วงในการยิงดาวเทียมไทยคมดวงใหม่เข้าสู่วงโครจร หลังจากที่ดาวเทียมดวงเก่าใกล้จะหมดอายุสัมปทานในช่วงปี 64
อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูรายละเอียดการที่กสท.จะเข้ามาถือหุ้น 30% นั้นจะแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกสท.และ THCOM อย่างไร ขณะที่หากไม่สามารถร่วมทุนกันได้ และ THCOM จะต้องยิงดาวเทียมไทยคม 9 ขึ้นสู่วงโคจร ก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเดิม
หนังสือพิมพ์เช้านี้ รายงานว่า THCOM ได้เชิญชวนให้กสท. เข้าร่วมลงทุน 30% ในธุรกิจดาวเทียมไทยคม 9 และ THCOM จะถือหุ้นอีก 70% เพราะต้องการแก้ไขปัญหากรณีสัมปทานที่ใกล้จะสิ้นสุดลงในปี 64 โดยกสท.จะเสนอแผนร่วมทุนกับ THCOM ต่อคณะกรรมการกิจการอวกาศแห่งชาติ เพื่อพิจารณาเร็ว ๆ นี้ ขณะที่การยิงดาวเทียมไทยคม 9 ซึ่งอยู่ในรูปแบบของใบอนุญาตนั้น ยังติดปัญหาการจองตำแหน่งวงโคจรกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
ดังนั้น THCOM จึงเสนอให้รัฐใช้ช่อง 1 สัญญาณฟรี, ร่วมทุนกับรัฐ เพื่อให้รัฐมีดาวเทียมของตัวเอง และเข้าสู่ระบบสัมปทานแบบเดิม แต่การเจรจาร่วมทุนกับ กสท.น่าจะเป็นแนวทางดีที่สุด เพราะนอกจากรัฐจะมีดาวเทียมของตัวเองแล้ว ยังได้ช่องสัญญาณฟรีด้วย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้หาแนวทางที่จะกำกับดูแลดาวเทียมใหม่ หลังผลการศึกษาของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสนอทางออกไว้ 2 แนวทาง คือให้ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ที่อยู่ในระบบใบอนุญาต กลับมาอยู่ภายใต้เงื่อนสัมปทานเดิมที่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐ 20.5% ของรายได้จนกว่าจะหมดอายุสัมปทานในปี 64 เช่นเดียวกับดาวเทียมไทยคม 4 ,5 และ 6 ที่ยังอยู่ในระบบสัมปทานขณะที่ส่วนอีกแนวทางหนึ่งให้กำหนดเงื่อนไขใหม่โดยทำสัญญาใหม่เป็น Deep of Agreement ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขให้จ่ายธรรมเนียมเพิ่มมากขึ้น และให้ภาครัฐได้ใช้บริการดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น