นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (31 ม.ค.) มีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ ๆ และลดลงจากวันก่อน หลังมีปัจจัยต่างประเทศกดดัน โดยการออกนโยบายใหม่ ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลใจว่า ทิศทางของสหรัฐจะไปในทางใด และจะมีผู้ต่อต้านเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ได้ระงับการออกวีซ่าของพลเมือง 7 ประเทศ ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศขึ้นมา การสูงขึ้นของราคาพันธบัตรและราคาทองคำ นอกจากจะมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ น่าจะมาจากความกังวลต่อปัจจัยนี้ ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นอื่น ๆ น่าจะถูกกดดันจากเรื่องนี้ ไปอีกระยะหนึ่ง
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI แกว่งในกรอบ 52-53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจัยบวกในเรื่องการลดกำลังการผลิต ถูกถ่วงด้วยการผลิตน้ำมันของสหรัฐที่สูงขึ้น จากจำนวนการใช้แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสขึ้นแตะ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี และส่งต่อไปถึงหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย
ส่วนปัจจัยในประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับประมาณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย ปี 2559-60 ใหม่ โดยปี 2559 จาก 2.8% เป็น 3.2% และปี 2560 จาก 3.4% เป็น 3.6% โดยได้แรงขับเคลื่อนการการลงทุน,การใช้จ่ายภาครัฐฯ ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ส่งออกและการใช้จ่ายภาคเอกชนสูงขึ้น กาปรับตัวเลข GDP ของไทย เป็นปัจจัยหนุนตัวหลัก ๆ ของตลาดในปีนี้เลยทีเดียว ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4/59 ในวันที่ 20 ก.พ. ปัจจัยในประเทศตัวอื่น ๆ จะเป็นเรื่องของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/59 และการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่ถูกคาดว่าผลการดำเนินงานเติบโตดีกันมากขึ้นตามลำดับ
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ภาพรวมของตลาด ถูกกดดันด้วยความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ จึงน่าจะยังเห็นการขายทำกำไรที่มีเข้ามาในตลาด อีกทั้งนักลงทุนจะรอดูผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะทราบผลเช้าวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.นี้
"ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แม้ปัจจัยในประเทศจะดี จากแรงหนุนด้านเศรษฐกิจ แต่มีความเสี่ยงมาจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งคาดจะมีผลต่อตลาดช่วงสั้น ๆ กลยุทธ์การลงทุนสั้น ๆ เรายังแนะนำ ให้เน้นเล่นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัวให้มากขึ้น และเลือกขายทำกำไรหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก (ราคาหุ้นไม่สอดคล้องกับปัจจัยฟื้นฐานหรือผลประกอบการของบริษัท) ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ เช่น BCH, LOXLEY , SCN , TNP PLAT"นายมงคล กล่าว