นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย แต่การรีบาวด์ก็คงจะไม่ไกลเนื่องจากหุ้นหลักยังถูกขายอยู่ โดยเมื่อวานนี้ทั้งนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน ต่างก็ขาย และทำ Short กันมาก
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่ และให้ติดตามนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อไปเรื่อย ๆ ส่วนในประเทศก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการในปี 59ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป โดยตลาดฯช่วงนี้ไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่เข้ามา
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูจุดซื้อสำหรับการเล่นรีบาวด์ ซึ่งก็คงจะอาศัยตามสัญญาณทางเทคนิคเป็นหลัก พร้อมให้แนวรับ 1,571-1,558 จุด หากหลุดจะไปแนวรับที่ 1,546 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,586 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,864.09 จุด ร่วงลง 107.04 จุด (-0.54%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,614.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด (+0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,278.87 จุด ลดลง 2.03 จุด (-0.09%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 114.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 148.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.86 จุด
สำหรับตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ (Federal Territory Day)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ม.ค.60) 1,577.31 จุด ลดลง 13.25 จุด (-0.83%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,191.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ม.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ม.ค.60) ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ม.ค.60) ที่ 6.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.14 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน กังวลนโยบาย"ทรัมป์"-จับตาผลประชุมเฟด
- ธปท.เผยข้อมูลเศรษฐกิจ เดือน ธ.ค. และไตรมาส 4 ปี 2559 ออกมาดี มีการโตกระจายไปหลายภาคส่วน จากเดิมที่การใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แสดงถึงสัญญาณเศรษฐกิจไทยโดยรวมปรับดีขึ้น และน่าจะมีแรงขับเคลื่อนส่งมาถึงปีนี้ได้ด้วย ขณะที่ปี 59 ไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดประวัติการณ์ จับตาการลงทุน-บริโภคเอกชน รวมถึงท่องเที่ยว พบคนไทยหันถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศเพิ่ม ทำให้มีเงินไหลออก 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเมินผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยจะปรับตัวอ่อนแอลงในปี 2560 หลังจากที่ผลการดำเนินงานในปี 2559 มีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (impaired loans) และอัตรากำไรที่ปรับตัวด้อยลงเล็กน้อย ทั้งนี้ การปรับตัวด้อยลง ดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมเป็นลบของภาคธนาคารพาณิชย์ไทยที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนและอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญยังคงปรับตัวเข็งแกร่งขึ้นและน่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยังคงอ่อนแอได้
- กสทช.เตรียมแจกคูปองทีวีดิจิทัลล็อตใหม่ 3.9 ล้านใบ ตั้งแต่ 31 ม.ค.- 1 มี.ค. ให้สิทธิเฉพาะ 4 กลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมทะเบียนบ้านชั่วคราวด้วย พร้อมเปลี่ยนระบบแลกเหลือใช้เพียงบัตรประชาชน
- แหล่งข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย( รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการว่าจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ติดตั้งระบบการเดินรถ 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อลงนามในสัญญากับ BEM วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พร้อมกันนี้ รฟม.จะลงนามในสัญญาว่าจ้างกับผู้รับเหมาที่ชนะการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 23 กิโลเมตร (กม.) รวม 6 สัญญาด้วย
- โตโยต้าฯเผย แนวโน้มตลาดรถยนต์ในไทยปี 60 คาดว่าจะมียอดขาย 800,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4.1% โดยมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นจากการครบกำหนด 5 ปี โครงการรถยนต์คันแรก รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ ส่วนยอดขายรถยนต์รวมในปี 59 อยู่ที่ 768,788 คัน ลดลง 3.9%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 6.90 บาทจากเดิม 5.55 บาท จากการ re-rate PE ขึ้นเป็น 25 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มค้าปลีกสินค้า IT และเมื่อคิดเป็น PEG ยังอยู่ที่ 1 เท่า ไม่แพงเกินไป สำหรับแนวโน้มกำไร 4Q59 คาด +99% Q-Q, +26% Y-Y ทำให้ทั้งปีโตถึง 58% Y-Y และคาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง 35% Y-Y
- BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) จาก Valuation ที่น่าสนใจ ราคาหุ้นต่ำกว่า Book value สิ้นปีนี้เกือบ 20% ขณะที่คาด Dividend yield 2.6% งวด 2H59 (4.50 บาท/หุ้น) งบดุลแข็งแกร่งมาก LTD ratio 90% เงินกองทุน 19% สูงสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ ปรับกำไรปีนี้ขึ้น 4% เป็นโต 8% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 210 บาท จาก 200 บาท
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 72.50 บาท คาดผลการดำเนินงานในช่วง 4Q/59 จะออกมาโดดเด่น จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง โดยค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ในช่วง 4Q/59 อยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึง 31% qoq รวมถึงราคาน้ำมันดิบในช่วง 4Q/59 เพิ่มสูงขึ้น 17% qoq มาอยู่ที่ 54 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 46 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ณ ต้น 4Q/59 คาดส่งผลดีต่อ PTTGC ระยะสั้น คาดมีกำไรจากสต็อกน้ำมันประมาณ 2-3 พันล้านบาท แนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคา HDPE ปรับขึ้นตาม ซึ่ง Spread ของ PTTGC จะดีขึ้นตามราคา HDPE ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามสูตรที่รับซื้อก๊าซจาก PTT อัตราการจ่ายเงินปันผลน่าสนใจอยู่ที่ 4.2%
- COM7 (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 13.50 บาท คาดกำไรสุทธิช่วง 4Q59 ที่ประมาณ 119 ล้านบาท ทำ New High จากแรงหนุนการเปิดตัว iPhone 7 และมาตรการช็อปช่วยชาติ ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2559 ที่ 379 ล้านบาท (+41.2% YoY) พร้อมคาดปี 2560 ยังคงเติบโตได้ดีจากการขยายสาขา นอกจากนี้ COM7 ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับทรู และการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ บางกอก เทเลคอม 999 ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้นเป็น 548 ล้านบาท จากเดิม 521 ล้านบาท และด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์จากบางกอกเทเลคอม 999 ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมในทุกระดับ อีกทั้งเพิ่มความสามารถการต่อรองกับ supplier อีกด้วย จึงมองว่า COM7 ยังสามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว
- KBS (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการปี 2560 พลิกฟื้นกลับมากำไรอย่างโดดเด่น จากขาดทุนในปี 58-59 เนื่องจากราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้น 30%, การกลับมาดำเนินงานได้เต็มที่หลัง boiler ระเบิดไปในปีก่อน, กำไรจากเงินชดเชยการดำเนินงาน, กำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเติบโตดี และมี upside risk จากโรงหีบใหม่ปี 2561
- หุ้นบมจ.สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง (SGF) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อระยะสั้นในรูปแบบเงินให้กู้ยืม และสินเชื่อแฟคเตอริ่ง จะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้เป็นวันแรก หลังจากที่ถูกขึ้น SP ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.50 ขณะที่บริษัทได้พ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ SGF ในวันนี้ไม่มีราคาสูงสุดและต่ำสุด ขณะที่ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 ส.ค.50 ที่ราคา 0.26 บาท/หุ้น