น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงหลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในและนอกโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันได้แล้ว 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากและเร็วกว่าที่คาดไว้
ประกอบกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ปี 60 เป็น 3.6% จากเดิม 3.4% เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ แนวโน้มรายได้เกษตรปรับดีขึ้น และแรงซื้อดักผลประกอบการและการประกาศจ่ายเงินปันผลปี 59
แต่ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากความผันผวนของ Fund Flow ต่างชาติจากนโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และความกังวลต่อผลกระทบจากการที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.60 กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 8 ก.พ.จับตาสภาอังกฤษเตรียมโหวตร่างกฎหมาย Brexit และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ถูกแรงกดดันจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งกระแส Fund Flow ที่ผันผวนเพื่อรอผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีแรงซื้อดักงบและปันผลปี 59 ช่วยพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัว
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,560-1,600 จุด โดยแนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงและคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/59 รวมถึงผลการดำเนินงานทั้งปี 59 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น และหุ้นที่คาดว่ากำไรปี 59 จะเติบโตขึ้น แนะนำ IRPC, BANPU และ WICE