นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจ รวมทั้งการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และในปีนี้บริษัทฯยังคงให้ความใส่ใจดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ "หัวคิด และหัวใจ"พร้อมบริการดูแลหลังการขาย 360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้จะมีการเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท และอาจพิจารณาเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ โดยในจำนวน 11 โครงการนี้มี 2 โครงการที่เลื่อนมาจากแผนงานที่จะเปิดขายในไตรมาส 4/59 มาเปิดให้ไตรมาส 1/60 แทน
โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 80% อีก 20% เป็นแนวราบ ซึ่งจะกระจายกลุ่มลูกค้าใหัครอบคลุมทุกกลุ่ม ภายใต้แบรนด์ เดอะนิช โมโน ,เดอะนิช ไพรด์ และ เดอะคิทท์ โดยในจำนวนนี้จะมีโครงการร่วมทุนกับบริษัท ฮันคิวเรียลตี้ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนงานในเดือน มี.ค.60 นี้ที่ปีนี้คาดว่าจะเปิดตัวอย่างน้อย 1 โครงการในปลายปี 60
บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินในปีนี้ราว 1,500 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ใช้ไปไม่ถึง 1 พันล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ซึ่งยังมีที่ดินไม่ครบจำนวน โดยอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน ขณะที่แหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท การออกหู้นกู้ที่คาดว่าปีนี้จะออกมากกว่า 1,000 ล้านบาท และมาจากการร่วมทุนของพันธมิตร ขณะที่บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ถึง 1 เท่า ยังมีความสามารถก่อหนี้ได้อีก
"ปี 59 เปิดโครงการได้ไม่ตามเป้า เพราะไตรมาสสุดท้ายไม่ได้เปิดทำให้เลื่อนมาเปิดไตรมาส 1/60 นี้ 2 โครงการ คือ เดอะนิช โมโน สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ล่าสุดมียอดพรีเซลแล้ว 20% ของมูลค่าโครงการ และโครงการคอนโดฯที่หน้านิคมบางกระดี ใช้แบรนด์เดอะคิทท์ อีก 1 โครงการที่จะเปิดสัปดาห์หน้า"นางเกษรา กล่าว
อนึ่ง ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดงาน Pre-Sale คอนโดมิเนียมโครงการใหม่" เดอะนิชโมโน สุขุมวิท 50" " ระหว่างวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2 อาคาร 8 ชั้น บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ ทั้งนี้ มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายในปี 60 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้นั้น ตั้งแต่ต้นปีมีปัจจัยบวกที่เห็นชัดเจน คือโครงการรถไฟฟ้า ทำให้ผู้ประกอบการมีการเปิดโครงการในทำเลที่น่าสนใจ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ขณะที่หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มลดลงหลังจากการผ่อนชำระในโครงการรถคันแรกหมดลง แต่ก็ยังมีนปัจจัยที่กังวล คืออัตราดอกเบี้ยมีจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในอนาคต แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สูงและยังไม่กระทบผู้บริโภคมากนัก
ส่วนยอดปฏิเสธสินเชื่อปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นหลัง เพราะรถคันแรกหมดลง ซึ่งขณะนี้ลูกค้าโครงการของบริษัทมียอดปฏิเสธสินเชื่อเฉลี่ย 15% ในจำนวนทั้งหมด 30 โครงการ แต่คาดว่าภายในปีนี้จะลดลง โดยตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 15% จากการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี และมีทีมงานวางแผนให้ลูกค้ากู้ โดยเฉพาะโครงการระดับกลาง-ล่าง
นางเกษรา กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกับการทำธุรกิจอสังหาฯและการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรับยุคดิจิทัล เพื่อให้มีความง่ายและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในสังคมยุคเทคโนโลยี หรือ "Property Technology" (PropTech) โดยคาดว่าจะเปิดตัวพันธมิตรในเดือน มี.ค.นี้