(เพิ่มเติม) CIMBT ตั้งเป้าสินเชื่อบ้านปีนี้โตเกิน 10% รุกตลาดบ้านมือสอง เน้นระดับกลาง-บน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 1, 2017 15:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง โดยคาดว่าสินเชื่อบ้านทั้งระบบในปีนี้จะอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท โดยธนาคารได้ตั้งเป้าสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้เติบโตเกินกว่า 5% หรือมีการขยายตัวของสินเชื่อบ้านใหม่อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อบ้านใหม่และบ้านมือสอง 1.2 หมื่นลินบาท และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ 3 พันล้านบาท

กลยุทธ์ในปีนี้ธนาคารจะเน้นการบุกตลาดสินเชื่อบ้านมือสอง ซึ่งที่ผ่านมาหาผู้ปล่อยกู้ได้ยากและอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแพง แต่ธนาคารจะเข้ามารุกในตลาดนี้ เพราะเห็นความต้องการในการอยู่อาศัยจริงๆ และอยากสนับสนุนให้ผู้ที่อยากมีบ้าน และมีกำลังความสามารถในการผ่อนได้ทำฝันให้เป็นจริง ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าปล่อยกู้ตลาดบ้านใหม่ที่ธนาคารต่างๆแข่งขันนำเสนอสินเชื่ออยู่แล้ว วัตถุประสงค์หลัก คือ การเข้ามาสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ที่อยากมีบ้าน

อีกทั้งบริษัทยังมีการนำเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกอบดิวยสินเชื่อบ้าน Home Loan 4U สำหรับสินเชื่อบ้านใหม่และสินเชื่อบ้านมือสอง รวมถึงคอนโดมิเนียมจากทุกโครงการ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% นาน 12 เดือน หรือดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3.33% สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป หลังจากนั้น MRR-1.75% ตลอดอายุสัญญา และสินเชื่อบ้าน Home Loan 4U สำหรับลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคาร ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.49% หลังจากนั้น MRR-2.25% ตลอดอายุสัญญา

นอกจากนี้ธนาคารยังมุ่งเน้นการทำการตลาดแบบ Online Marketing ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทั้ง Line และ Facebook รวมถึงเว็บไซท์ของธนาคาร เพื่อรองรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมการหาข้อมูลด้วยตัวเองมากขึ้นเพื่อเสาะหาต้นทุนที่ดีกว่า โดยได้ปรับกระบวนการให้สามารถติดต่อลูกค้าได้ใน 1 วัน

นางสาวอรอนงค์ กล่าวว่า ของสินเชื่อบ้านธนาคารในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% จากล่าสุดอยู่ที่ 4% เนื่องจากแนวโน้มของกลุ่มลูกค้าที่กู้สินเชื่อของธนาคารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับกลาง-ล่าง ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงในกลุ่มลูกค้าดังกล่าวลดลง

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บนมาก ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น โดยมองว่าลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง และมีเงินเพียงพอในการซื้อที่อยู่อาศัยและการผ่อนชำระ โดยส่วนใหญทจะเป็นกลุ่มอาชีพเจ้าของกิจการ หรือกลุ่มลูกค้าพนักงานประจำที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไป โดยการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่ขอสินเชื่อในการซื้อโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร และส่งผลไปถึงระดับ NPL ในปี 61 มีโอกาสที่จะลดต่ำกว่า 4%

ในภาพรวมของระบบปัจจุบันมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) เฉลี่ยอยู่ที่ 50% โดยส่วนใหญ่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูงจะอยู่ที่กลุ่มลูกค้าระดับล่างที่ซื้อโครงการระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 60-70% ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 30% และกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 20% โดยในตลาดมีกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนมากที่สุดเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70%

ทั้งนี้ ธนาคารจะแนะนำลูกค้าที่ต้องการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่มีโอกาสผ่านการอนุมัติอยากให้ลดวงเงินกู้เหลือ 70% จากเดิมที่ลูกค้ากู้เกือบ 100% ซึ่งการที่ลูกค้ามีการกู้ลดลงจะส่งผลให้มีโอกาสผ่านการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น เพราะปัจจุบันธนาคารต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ยังชะลอตัว ทำให้ธนาคารจะต้องมีการป้องกันความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้

ปัจจุบัน ธนาคารมีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท หรือมีจำนวนลูกค้า 30,000-40,000 ราย โดยในปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่ปล่อยใหม่ไป 1.2 หมื่นล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ