นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จัดตั้ง Venture Capital ภายใต้ชื่อ บริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็นแสนสิริถือ 90% และธนาคารไทยพาณิชย์ถือ 10% ของทุนจดทะเบียน เพื่อลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ (Property Technology:PropTech) อย่างเต็มรูปแบบรายแรกของไทย
บริษัทร่วมทุนตั้งวงเงินลงทุนเริ่มต้น 100 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย พร้อมจัดตั้งโครงการผลักดันสตาร์ทอัพด้าน Property Technology โดยเฉพาะครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งการลงทุนเริ่มต้นจะเริ่มลงทุนในประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งจะเข้ามาเสริมศักยภาพของ Home Service โมบายแอพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านแสนสิริ โดยบริษัทตั้งเป้าภายในปี 63 จะสร้างเครือข่ายผู้พัฒนาด้าน Property Technology อย่างน้อย 300 ราย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะจดทะเบียนอย่างเป็นทางการภายในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งในระยะแรกจะลงทุนในประเทศไทยและสิงคโปร์ และระยะต่อไป จะขยายการลงทุนไปยังฮ่องกง ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง พร้อมกับเฟ้นหาสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัย ซึ่งจะเริ่มในช่วงไตรมาส 2/60 โดยจะรับสมัครทีมสตาร์ทอัพจำนวน 100 ทีม และจะคัดเลือก 15 ทีม ที่มีศักยภาพ เข้าร่วม Business Incubation เพื่อการบ่มเพาะธุรกิจในไตรมาส 3/60 และหลังจากนั้นคัดเลือกสตาร์ทอัพที่สามารถต่อยอดธุรกิจ 8-10 ทีม ในช่วงไตรมาส 4/60
"ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนคือ แสนสิริจะมีหน่วยงานเฉพาะที่รับผิดชอบเรื่องของการสรรหาและลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางด้าน Property Technology เหล่านี้เข้ามาใช้เป็นรายแรก ทั้งเพื่อการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า หรือสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จากนวัตกรรมบริการที่สามารถนำไปขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น หรือแม้แต่กับธุรกิจอื่น ๆ เกิดเป็นช่องทางรายได้ใหม่ที่จะผลักดันวงจรการเติบโตแบบก้าวกระโดดครั้งใหม่ซึ่งจะส่งผลประโยชน์สูงสุดคืนให้แก่ลูกค้าจากการที่ แสนสิริจะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ ทั้งเพื่อการดำเนินธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าตลอดเวลา อาทิ การนำระบบ Smart Home Integration เปิดตัวใช้ที่โครงการ 98 Wireless และโครงการ The XXXIX ทั้งโครงการเป็นครั้งแรก" นายอภิชาติ กล่าว
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB กล่าวว่า การทำงานร่วมกันเช่นนี้จะทำให้เรามองเห็นภาพผู้บริโภคได้กว้างมากขึ้น สามารถนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ไปวางในจุดที่ถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากยิ่งขึ้นตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของธนาคาร โดยธนาคารมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินที่ทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้าทั้งระดับองค์กรที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือลูกค้าเอสเอ็มอีซึ่งดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ซื้ออสังหาฯ รวมทั้งยังเป็นโอกาสดีที่จะได้แลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมสำหรับการบริหารงานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Digital Payment, Blockchain, Big Data ซึ่งธนาคารฯ กำลังมุ่งพัฒนาศักยภาพของเทคโนโลยีอยู่"นายอาทิตย์ กล่าว
นายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นได้ทั้งผลิตภัณฑ์ ผลงานวิจัย งานดีไซน์ใหม่ ๆ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดความยั่งยืน นวัตกรรมสร้างได้ทั้งผลิตภัณฑ์ ผลงานวิจัย งานดีไซน์ใหม่ ๆ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมเทคโลยีสำหรับการทำธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Holistic Property Technology Landscape) ตั้งแต่การบริหารระบบข้อมูล การออกแบบโครงการ การก่อสร้าง การสนับสนุนการซื้อขาย การบริหาร และให้บริการภายในโครงการ ไปจนถึงเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยแบบองค์รวม การสร้างนวัตกรรม ซึ่งผ่านขั้นตอนจากไอเดีย สู่สตาร์ทอัพ จนธุรกิจสามารถอยู่รอดได้นั้น จะกลายเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดวงจรการเติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจากนั้น เราจะมีแผนดำเนินธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Management) เพื่อสร้างรายได้ต่อยอดสู่ระดับนานาชาติ
สำหรับการลงทุนและยกระดับศักยภาพของ Home Service โมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านแสนสิริ ซึ่งเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2555 มีผลตอบรับที่ดีมากด้วยจำนวนผู้ใช้จากหลักร้อยเพิ่มเป็นหลักหมื่นในเวลาเพียง 3 ปี จึงมีศักยภาพที่จะปฏิรูปให้เป็นนวัตกรรมบริการดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวันอย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในแวดวง Property Technology ตั้งแต่ ระบบส่งข้อความ แจ้งข่าวสาร เรียกใช้บริการซ่อมแซมภายในบ้าน ไปจนถึงการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ ระบบควบคุมสั่งการอัจฉริยะภายในบ้าน
รวมทั้งการเพิ่มเติมบริการอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไปของผู้คนในอนาคต และเป็น Property Technology ปฏิวัติวงการตัวเด่นที่สามารถขยายขอบข่ายตลาดผู้ใช้สู่วงกว้าง ไม่จำกัดเฉพาะโครงการแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปเสนอกับโครงการอสังหาฯ ของผู้พัฒนาอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน Home Service มีจำนวนผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริแล้วจำนวนถึงกว่า 13,000 ราย ใน 135 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม
ด้านโครงการ Property Technology Accelerator จะมีการวางเป้าหมายอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเริ่มในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยรับสมัครทีมสตาร์ทอัพจำนวน 100 ทีม จากนั้นในไตรมาสมาส 3 จะคัดเลือกที่มีศักยภาพ 15 ทีมมาเข้าร่วม Business Incubation เพื่อการบ่มเพาะธุรกิจ พร้อมคอร์สติวเข้มกับผู้บริหารและนักธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ก่อนที่จะมาคัดเลือกสตาร์ทอัพที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ประมาณ 8-10 ทีมอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเราจะผลักดันนวัตกรรมที่เราพัฒนาให้ได้รับการจดสิทธิบัตรต่อไป