นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตได้ 10-15 % จากได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น และจากลูกค้าก่าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ราว 97% มากจากต่างประเทศ และอีก 3 % เป็นในประเทศ
ทั้งนี้ จากการดำเนินโยบายต่างๆของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นภาษีการนำเข้า บริษัทยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ KCE เนื่องด้วยบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐเพียง 20% ใกล้เคียงกับตลาดเอเชียที่อยู่ในระดับ 20% ขณะที่ตลาดหลักคือ ยุโรป 60% แต่กลับมองเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯมากกว่า เนื่องจากคู่แข่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตในจีน ซึ่งหากนายทรัมป์ดำเนินนโยบายจริง ก็น่าจะทำให้จีนน่าจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ สินค้าของบริษัทเป็นเพียงชิ้นส่วนไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป และเป็นสินค้าที่ตลาดในสหรัฐยังมีความต้องการอยู่
สำหรับความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทนั้น บริษัทยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทบ้าง แต่เชื่อว่าจากนี้ค่าเงินบาทน่าจะมีทิศทางที่อ่อนค่า ส่วนผลกระทบจากต้นทุนราคาวัตถุดิบทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 5-6 พันเหรียญต่อตัน ทำให้บริษัทต้องมีการสต็อคสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
"เรายังคงตั้งเป้าการเติบโตเหมือนปีที่ผ่านๆมา ราว 10-15% ส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าเก่าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็ยังกังวลเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่า และเรื่องของต้นทุนราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้เราต้องสต็อคสินค้าไว้เพิ่มเพื่อควบคุมต้นทุน ส่วนเรื่องของนโยบายทรัมป์ก็ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อมองตัวนโยบายเรื่องของภาษีการนำเข้า หากดำเนินการ เรามองว่าน่าจะส่งดีต่อเรามากกว่าเพราะจีนถือเป็นคู่แข็งหลักกับเรา"นายพิธาน กล่าว
นายพิธาน ยังเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบสำหรับการลงทุนปีนี้ไว้ที่ 500 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่ลาดกระบัง ซึ่งผลิตแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) เฟส 3 กำลังการผลิต 3 แสนตารางฟุต จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมที่ 3.2 ล้านตารางฟุต ซึ่งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย