นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังอยู่ในช่วงพักฐาน ทิศทางทางยังเป็นไซด์เวย์ หลังปัจจัยทั้งในแต่ต่างประเทศยังไม่ได้ส่งสัญญาณบวกเข้ามา และคืนนี้สหรัฐฯจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แนวโน้มตลาดจึงไม่น่าต่างจากสองวันที่ผ่านมา โดยคาดว่านักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในกรอบเวลาสั้น ๆ ดัชนีฯมีแนวโน้มที่จะปิดลดลงจากวันก่อน
"เรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานกลยุทธ์การลงทุนสั้น ๆ เรายังแนะนำให้เน้นเล่นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว หรือคนที่เล่นหุ้นตลาดหรือหุ้นใหญ่ อาจเลือกที่จะ"ถือ" ไว้ก่อนเพื่อรอดูทิศทางตลาด สำหรับในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น JMART, ROBINS, ESSO, UNIQ"นายมงคล กล่าว
นายมงคล กล่าวอีกว่า สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม คือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป แต่ตลาดก็ยังคงมีความกังวลต่อนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้เกิดสูญญากาศขึ้นในตลาด คือ ชะลอการลงทุน ซึ่งอาจต้องรอถึง 10 ก.พ. เมื่อสหรัฐฯมีการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
และวันนี้มีตัวเลขและข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัว อาทิ รายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) , ตัวเลข PMI ของจีนและยุโรป รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญที่สุดจะเป็นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม และอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขเหล่านี้
ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไปที่ 53.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รับอานิสงส์จากดอลลาร์ที่อ่อนค่า และปริมาณผลิตทีลดลงจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) รวมถึงรัสเซีย วันนี้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการหลังหยุดยาวจากเทศกาลตรุษจีน น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในกลุ่มที่เป็นวัตถุดิบ ที่จะกลับมาซื้อขายตามปกติ
ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้ติดตามผลการดำเนินงาน และคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/59 ของบริษัทในตลาด จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อหุ้นเฉพาะตัว อย่างไรก็ตามแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศหรือสถาบันจากการลดความเสี่ยง จะทำให้นักลงทุนกลุ่มอื่นไม่กล้าเข้ามาซื้อหุ้นด้วย