นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) เปิดเผยว่า SE กำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 2.45 บาท โดยจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้นในวันที่ 6-8 ก.พ.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ราววันที่ 14 ก.พ.60
ล่าสุดวันนี้ SE ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และแต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) และ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
SE เป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายสินค้า พร้อมให้บริการและคำปรึกษาด้านวิศวกรรมอย่างครบวงจรใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม กลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ และกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรมซึ่งเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วหมดไป เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคอื่นๆ ของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Industrial Equipment Solution Provider
บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท ระดมทุนมาใช้สร้างศูนย์บริการวิศวกรรม (Workshop) ภายในพื้นที่สำนักงานใหญ่ จังหวัดระยอง ลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สนับสนุนงานบริการและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเต็มจำนวน 120 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 90 ล้านบาท
นางสาวอรสา วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SE กล่าวว่า บริษัทมีสินค้าที่จำหน่ายพร้อมให้บริการและคำปรึกษาอย่างครบวงจรกว่า 40 แบรนด์ รวมทั้งหมดกว่า 3,500 รายการ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโรงงาน ขยายสายการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักรและใช้ทดแทนอุปกรณ์เดิมที่เสื่อมสภาพ โดยได้จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่ายทางตรงแก่โรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ 70-80% ของรายได้จากการขายและบริการ ส่วนที่เหลือจะจำหน่ายผ่านกลุ่มผู้รับเหมาและร้านค้าปลีกที่เป็นคนกลางช่วยกระจายสินค้า
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ โดยจะลงทุนก่อสร้างศูนย์บริการวิศวกรรมในพื้นที่สำนักงาน จังหวัดระยอง ซึ่งออกแบบเป็นอาคารชั้นเดียว มีพื้นที่ใช้สอย 1,750 ตารางเมตร คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 40 ล้านบาท เพื่อขยายงานให้บริการเคลือบพื้นผิวเครื่องจักร อุปกรณ์ระบบท่อ งานออกแบบและตัดเย็บฉนวนหุ้มเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงให้บริการประกอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ระบบปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลว ตลอดจนอุปกรณ์ในระบบท่อ
“เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจจัดหาและจำหน่าย พร้อมให้บริการในสินค้าอุตสาหกรรม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม กลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ และกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรม ซึ่งเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วหมดไปและยังเป็นผู้สรรหาสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่แตกต่าง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต" นางสาวอรสา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 59 บริษัทมีรายได้ 317.14 ล้านบาท เติบโตราว 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 18.99 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ปี 56-58 บริษัทมีการเติบโตเฉลี่ย 3.54% และมองว่าแนวโน้มการเติบโตในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา จากการเพิ่มช่องทางรายได้ โดยการลงทุนสร้างศูนย์บริการวิศวกรรมดังกล่าว และจากอุตสาหกรรม Oil&gas ที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
บริษัทยังมองหาโอกาสขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย จากปัจจุบันที่มีเพียงการขายสินค้าผ่านผู้รับเหมาเท่านั้น โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทขณะนี้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม 42%, กลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ 28% และกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรม 30%
นายแสงเพชร ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการ SE กล่าวว่า สินค้าอุตสาหกรรมทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์นั้น ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม ซึ่งเป็นปั๊มสูบส่งน้ำและของเหลวที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล อาคารสูงและโครงการน้ำของภาครัฐ ซึ่งแบ่งเป็นปั๊มประเภทหมุนเหวี่ยงที่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายของเหลวใสและมีความหนืดต่ำ และปั๊มประเภทแทนที่บวกที่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายของเหลวที่มีความหนืดสูง
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ ประกอบด้วย อุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต เช่น อุปกรณ์เพื่อการคัดแยกวัสดุ วัสดุเพื่อการดูดซึม อุปกรณ์เพื่อแลกเปลี่ยนมวลสารและระบบท่อและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบท่อและข้อต่อ แท็งก์พลาสติก อุปกรณ์ควบคุมแรงดัน และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรม ซึ่งเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วหมดไปในกระบวนการผลิตและงานซ่อมบำรุง ได้แก่ กาว วัสดุยาแนว วัสดุเคลือบผิว ผลิตภัณฑ์เพื่ออาชีวอนามัยและความปลอดภัย และงานบริการเคลือบพื้นผิวและตัดเย็บฉนวนหุ้ม