นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า SC ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุก SC ยุค 4.0 พร้อมตั้งเป้ารายได้ทะลุ 20,000 ล้านบาทในปี 62 ล่าสุดได้เปิดโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) มูลค่า 8,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจปี 60 ซึ่งเป็น 1 ใน 17 โครงการใหม่ โดยมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 27,000 ล้านบาท และเป็น 1 ใน 3 โครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Limited Luxury Collection by SC ASSET
โครงการ 28 CHIDLOM ถือเป็นโครงการใหม่โครงการแรกที่บริษัทได้เปิดตัวในปีนี้ จากแผนการเปิดโครงการทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.7 หมื่นล้านบาท อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังถือเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปีนี้ของจำนวนโครงการที่บริษัทวางแผนเปิดใหม่ โดยทำเลที่ตั้งของโครงการ 28 CHIDLOM ถือเป็นทำเลที่บริษัทได้ซื้อที่ดินมาแพงที่สุดอยู่ที่ 1.8 ล้านบาท/ตารางวา ซึ่งบริษัทเชื่อว่าทำเลในย่านชิดลมเป็นทำเลที่มีศักภาพ เนื่องจากใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และอาหารต่างๆ รวมไปถึงมีการเดินทางที่สะดวกมีถนนที่เชื่อมฝั่งชิลมและเพชรบุรีไปจนถึงวิทยุ และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบการพักอาศัยในทำเลย่านชิดลมและหลังสวน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปิดการขายโครงการ 28 CHIDLOM ในส่วนของอาคาร Tower 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต ได้ภายในสิ้นปี 60 โดยคาดว่าเฉพาะการขายในส่วนของอาคาร TOWER จะช่วยสร้างยอดขายให้กับบริษัทมากกว่า 3 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันหลังจากการเปิดขายในรอบ VIP ที่ผ่านมา มียอดจองไปแล้วถึง 50% อีกทั้งเพนท์เฮาส์ทั้ง 2 ยูนิตก็ได้ขายไปแล้วเช่นกัน
โครงการ 28 CHIDLOM มีกำหนดแล้วเสร็จและเริ่มทยอยโอนบางยูนิตในช่วงปลายปี 62 และจะเริ่มทยอยโอนมากขึ้นในปี 63 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทเชื่อว่าภายในปี 60 ราคาขายเฉลี่ยของโครงการ 28 CHIDLOM จะเพิ่มขึ้นเป็น 450,000 บาท/ตารางเมตร จากปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 350,000/ตารางเมตร สำหรับการเปิดโครงการในไตรมาส 1/60 บริษัทเตรียมการเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา- รามอินทรา มูลค่า 800 ล้านบาท 2 อาคาร 252 ยูนิต กำหนดเปิดจอง 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ราคาขายเริ่มต้น 69,000 บาทต่อตารางเมตร และโครงการบ้านเดี่ยว เฮดควอเตอร์ส เลียบด่วนรามอินทรา กำหนดเปิดในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ราคาขายเริ่มต้น 28 ล้านบาท ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการขยายตัวได้ 5% โดยมีแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะช่วยให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลต่างๆขยายตัวมากขึ้น และทำให้รายได้ของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่ยังเป็นปัจจัยช่วยหนุนการเติบโตของเศรรษฐกิจไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดูว่าการบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีหรือไม่