โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว หลังจะได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่ฟื้นตัวขึ้นดี จะช่วนหนุนให้เกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีสภาพคล่อง และมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ประกอบกับ การลงทุนโครงการของภาครัฐ หนุนให้มีการลงทุนของภาคเอกชนตามมา ช่วยผลักดันอุปสงค์วัสดุก่อสร้างในประเทศให้เติบโต ซึ่งล่าสุดดีลเลอร์และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่เริ่มสต็อกสินค้าจำนวนมาก รวมถึงตลาดส่งออกที่บูมขึ้นจะช่วยผลักดันสัดส่วนการส่งออกในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นราว 20%
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการขายสินค้าที่มีลักษณะเป็น Product Mixed และสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ตลอดจนควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี ช่วยหนุนผลการดำเนินงานรวม
ราคาหุ้น DRT เช้านี้อยู่ที่ 6.25 บาท ลดลง 0.10 บาท (-1.57%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.42%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 7.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 6.30 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ถือ 5.75 นายณัฐ พนัสสุทรากร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะ"ซื้อ"หุ้น DRT จากแนวโน้มกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 60 ตามตลาดส่งออกที่บูมขึ้นมาจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของยอดขาย จาก 17% ในปีที่แล้ว ขณะที่ราวครี่งหนึ่งของยอดส่งออกรวมเป็นการส่งออกไปที่กัมพูชา ส่วนอีก 20% ส่งออกไปลาว และ 10% ส่งไปเมียนมา และแนวโน้มอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งของทั้งในส่วนของกระเบื้องและผลิตภัณฑ์ไม้บอร์ดไม้ฝา จะช่วยหนุนให้ยอดขายปี 60 โตได้อย่างแข็งแกร่งถึง 7.1% เป็น 4.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงถึง 70-80% ของกระเบื้องซีเมนต์ และกระเบื้องคอนกรีต บวกกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา และสัดส่วนยอดขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 27.5% จาก 26.4% ในปี 59 และส่งผลให้กำไรสุทธิปี 60 เพิ่มขึ้น 12.8% เป็น 440 ล้านบาท ทั้งนี้ มองภาพรวมธุรกิจปีนี้น่าจะมีโมเมนตัมที่ดีขึ้น จากความต้องการวัสดุก่อสร้างในประเทศเริ่มปรับฟื้นตัวดีขึ้น จากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ดีขึ้น โดยเฉพาะต่างจังหวัดหลังราคาสินค้าเกษตรเริ่มพลิกฟื้นดีขึ้น โดยสิ่งที่กลุ่มเกษตรกรที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจะทำเป็นอันดับแรกคือปรับปรุงที่อยู่อาศัย ขณะที่ปัจจุบันดีลเลอร์และร้านค้าปลีกสมัยใหม่เริ่มสะสมสต็อกสินค้าแล้ว ซึ่งเห็นได้จากรถบรรทุกสินค้าของ DRT ทุกคัน มียอดจองเพื่อจัดส่งสินค้าเต็มทุกเที่ยวสำหรับช่วงไตรมาส 4/59 ถึงไตรมาส 1/60 "ปีนี้มองกำลังซื้อขยับดีขึ้นหนุนรายได้เติบโต 7% มาที่ 4,400 ล้านบาทและการที่มีกำลังการผลิตสูงขึ้นในทุกโปรดักส์ เชื่อว่าบริษัทจะ maintain มาร์จิ้นสูง 27.5% ทำให้ boottom line ปี 60 ที่ 440 ล้านบาท เติบโต 13% ยังคงแนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาเป้า 7 บาท"นายณัฐ กล่าว บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์โดยแนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท คาดผลการดำเนินงานปี 60 ยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยจะได้รับผลบวกจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้น จากนโยบายการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าและถนน และคาดว่าโครงการบ้านแนวราบจะยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่ฐานลูกค้าหลักที่อยู่ในต่างจังหวัดคาดจะมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้น คาดว่าจะได้รับผลบวกจากการขยายสาขาของโมเดิร์นเทรด ที่ขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งโมเดิร์น เทรดบางรายยังมีแผนขยายสาขาไปต่างประเทศ ทำให้เป็นโอกาสของในการเพิ่มสัดส่วนยอดขายของ DRT จากช่องทางนี้ด้วย สำหรับสัดส่วนรายได้ในตลาดส่งออกในปีนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดีกว่าตลาดภายในประเทศ โดยได้ประมาณการสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปี 59 ที่ 18% ด้านผลิตภัณฑ์สินค้าในกลุ่มไม้สังเคราะห์คาดว่าจะยังคงเติบโตได้โดดเด่นสุด รวมถึงกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์จตุลอน และกระเบื้องหลังคาคอนกรีตคาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้น ส่วนสินค้าอิฐมวลเบาคาดว่าจะมีผลขาดทุนลดลง จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่คาดว่าจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงกังวลต่อแนวโน้มราคาขายสินค้าอิฐมวลเบาที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังคงประเมินรายได้ปี 60 จะกลับมาเติบโตได้ราว 5% ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปกติขึ้นจากเดิมราว 5.5% เป็น 422 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.2% จากปีที่แล้ว จากแผนการลดค่าใช้จ่ายทั้งวัตถุดิบและการปรับปรุงกระบวนการผลิต ส่งผลให้ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 26.9% จากเดิมที่ 26.3% ด้านบทวิเคราะห์ บล.ไอร่า คาดว่าผลการดำเนินงานปี 59 ของ DRT ยังเติบโตได้ดี แม้เผชิญกับภาวะการแข่งขัน และความต้องการในประเทศที่ทรงตัว โดย DRT ยังรักษาความสามารถทำกำไรไว้ได้ตามเป้าหมาย จากการปรับ Product Mixed และการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการขายที่ดินเปล่าในจ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 25 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 58 และคาดเงินปันผลที่เหลือจ่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 59 ประมาณ 0.14 บาท/หุ้น ขณะที่ปี 60 มีโอกาสที่ผลงานจะเติบโตตามเป้าหมายของ DRT ไม่ต่ำกว่า 5% ตามช่องทางการจำหน่ายในประเทศผ่านโมเดิร์นเทรด ที่มีการขยายสาขา และส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากเมียนมา และกัมพูชา เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 400-410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5–8%