นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ได้สนับสนุนนโยบายรัฐดำเนินการโครงการแลกเปลี่ยนถังก๊าซเหล็กเป็นถังก๊าซคอมโพสิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ได้มีการนำถังก๊าซเหล็กเข้าไปในพื้นที่มาตั้งแต่ปลายปี 2556 เพื่อช่วยลดความรุนแรงของการก่อเหตุระเบิดของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ตามที่ภาครัฐได้ขอความร่วมมือจากผู้ค้ามาตรา 7 ทุกราย
โดยประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถนำถังก๊าซเหล็กของ ปตท. มาแลกเปลี่ยนเป็นถังก๊าซคอมโพสิตได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายถึงแม้ว่าต้นทุนในการผลิตถังก๊าซคอมโพสิตจะสูงกว่าถังเหล็ก ซึ่งที่ผ่านมามียอดการแลกเปลี่ยนถังก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ปตท. ได้จัดเตรียมถังก๊าซคอมโพสิตไว้สำหรับให้ผู้บริโภคที่ใช้ถังก๊าซเหล็กของปตท. ขนาด 7 กิโลกรัมและ 15 กิโลกรัมสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นถังคอมโพสิตได้อย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ ถังก๊าซคอมโพสิตของ ปตท. ผลิตจากโพลิเมอร์และไฟเบอร์กลาส จึงมีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม ทนต่อการกัดกร่อน มีอายุการใช้งานนาน ปลอดภัย และมีคุณภาพได้ตามมาตรฐาน มอก. 2441-2552 โดยถังก๊าซคอมโพสิตที่สามารถผลิตได้ในปัจจุบันมีขนาดบรรจุเพียงขนาดเดียวคือ 11 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยราคาค่าเนื้อก๊าซในถังคอมโพสิตจะเป็นตามปริมาณก๊าซที่บรรจุคือ 11 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าราคาค่าเนื้อก๊าซในถังเหล็กซึ่งบรรจุก๊าซได้ 15 กิโลกรัม อย่างไรก็ดี หากผู้บริโภคต้องการซื้อถังก๊าซคอมโพสิทไปใช้เพิ่มเติม จะมีค่ามัดจำถังซึ่งสามารถรับเงินมัดจำคืนได้ทันทีเมื่อนำถังก๊าซมาคืนเช่นเดียวกับการใช้ถังเหล็ก โดยติดต่อแลกและซื้อถังคอมโพสิตได้ที่ร้านค้าก๊าซหุงต้มของ ปตท. ทุกแห่งในพื้นที่