PTT คาดผลงานปี 60 ใกล้เคียงปี 59 ที่ทำได้ดีกว่าคาด หลังมองปีนี้ราคาน้ำมันขึ้นเล็กน้อย-ธุรกิจก๊าซฯทรงตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 6, 2017 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของปตท.ในปี 60 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ที่นับว่าทำได้ดีกว่าคาด เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีหนุนให้มีกำไรสต็อกน้ำมัน ขณะที่มาร์จิ้นของธุรกิจก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น จากต้นทุนก๊าซฯที่ต่ำขณะที่มีราคาขายสูง แต่ในปีนี้ปัจจัยต่าง ๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก หลังราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยราว 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเฉลี่ยราว 41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่แล้ว

"ภาพรวมปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะขึ้นอยู่กับ trend ราคาน้ำมัน เรามอง trend ค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น ปีที่แล้วหวือหวานิดหน่อย เพราะ dip ไปลึกแล้วปรับขึ้น แต่ปีนี้น่าจะค่อย ๆ ขยับขึ้นประมาณ 5 เหรียญ...ธุรกิจก๊าซฯก็เริ่มคงที่ effect จากราคาต้นทุนที่ตามไม่ทันราคาขายก็ผ่านไปแล้ว ธุรกิจก๊าซฯที่เดิมเป็นธุรกิจที่ stable ก็จะยัง stable ดีอยู่"นายวิรัตน์ กล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 ที่จะประกาศในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ จะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี จากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงต้นปี จนมาทำระดับที่กว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงปลายปี ทำให้ในปีที่ผ่านมามีกำไรจากสต็อกน้ำมันพอสมควรในธุรกิจน้ำมันและโรงกลั่น

ส่วนธุรกิจก๊าซฯ นับว่ามีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซฯที่ซื้อจากผู้ผลิตก๊าซฯในอ่าวไทยลดลง เนื่องจากมีโครงสร้างราคาตามหลังราคาน้ำมันประมาณ 6-9 เดือน แต่ในส่วนราคาขายผลิตภัณฑ์ก๊าซฯทั้งในส่วนของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และขายก๊าซฯให้กับอุตสาหกรรม จะผูกกับราคาน้ำมันทันที ทำให้มาร์จิ้นของธุรกิจก๊าซฯสูงขึ้น ประกอบกับการอุดหนุนของธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เริ่มลดลง ทำให้ภาพรวมของธุรกิจก๊าซฯดีขึ้น แม้ความต้องการใช้ก๊าซฯในปีที่ผ่านมาจะลดลงราว 1% มาที่ 5 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟ.)/วัน จากยอดใช้ LPG และ NGV ที่ลดลง

อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ปตท.ยังมีผลขาดทุนจาก NGV ราว 5 พันล้านบาท ลดลงจากราว 1 หมื่นล้านบาทในปี 58 แม้รัฐบาลจะปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้น แต่มีบางส่วนที่ปตท.ยังอุดหนุนอยู่ เช่น รถยนต์สาธารณะ และการชดเชยค่าขนส่งทำให้ยังมีต้นทุน NGV ที่สูงอยู่ แต่หวังว่าธุรกิจ NGV ในปีนี้จะไม่ขาดทุน หลังจากยอดการใช้ NGV น่าจะลดลงอีกจากปีก่อนที่ลดลงมากถึงราว 9% หลังจากที่ไม่มีรถยนต์ใหม่ที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงเข้าระบบ ขณะเดียวกันก็จะเจรจากับรัฐบาลเพื่อขอให้ชดเชยค่าขนส่งมากขึ้น ด้วยการปรับราคา NGV เพิ่มเติม เพื่อให้สะท้อนกับต้นทุนเต็มที่ รวมถึงการเจรจาเพื่อปรับเพิ่มราคา NGV สำหรับรถยนต์สาธารณะด้วย

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับในปีนี้แนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซฯจะเพิ่มขึ้นราว 1-2% จากปีที่แล้ว โดยประมาณ 60% เป็นการใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อีก 20% เป็นการใช้ในโรงแยกก๊าซฯ เพื่อจำหน่ายให้กับโรงงานปิโตรเคมี และประมาณ 15% เป็นการขายให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตตามการใช้กำลังการผลิตของโรงงานต่าง ๆ ขณะที่ราว 6% เป็นการจำหน่ายให้กับ NGV ที่คาดว่าจะมีปริมาณลดลงในปีนี้

ด้านการจัดหาก๊าซฯประมาณ 75% จะมาจากอ่าวไทย และอีก 17% เป็นการนำเข้าจากเมียนมา ส่วนที่เหลือ 8% เป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้า LNG มากกว่า 5 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามสัญญารับซื้อ LNG ระยะยาว ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วที่มีการนำเข้าราว 2.9 ล้านตัน

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 60 ยังขึ้นกับทิศทางราคาน้ำมันที่คาดว่าจะค่อย ๆ ขยับขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นธุรกิจขั้นต้นให้ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นด้วย แต่ธุรกิจขั้นปลายอย่างโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี อาจจะมีกำไรที่ถูกบีบลงจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้มาร์จิ้นก็จะค่อนข้างตึงตัว ขณะที่ธุรกิจก๊าซฯจะยังมีผลการดำเนินงานทรงตัวในระดับที่ดี ไม่เหมือนกับในปีก่อนที่ราคาต้นทุนก๊าซฯขยับตามราคาขายไม่ทันทำให้มีมาร์จิ้นสูง แต่ในปีนี้ราคาก๊าซฯไม่ได้ปรับตัวมากนัก

อนึ่ง ปี 58 ปตท.มีกำไรสุทธิ 1.99 หมื่นล้านบาท และมียอดขาย 2.03 ล้านล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ