นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ทิศทางยังเป็นปรับฐานอยู่ ขณะที่ตลาดตอบรับต่อข่าวในเชิงลบ คือนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ไปมากพอควร และนายทรัมป์เตรียมถอนเรื่องระงับการออก VISA ของพลเมือง 7 ประเทศจากชาติมุสลิม น่าจะทำให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาด โดยอาศัยปัจจัยเฉพาะหุ้น เช่น หุ้นอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ เก็งกำไรในผลประกอบการไตรมาส 4/59 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นต้น
สำหรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ สูงขึ้น 2.27 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้น 1.64 แสนตำแหน่ง และสูงกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นอื่นๆไปด้วย ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในอนาคต จากตัวเลขความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปเป็นเดือนพ.ค. ส่วนหนึ่งคาดว่า มาจากเฟดอาจต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายบริหารประเทศของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ดังนั้น หากเฟด ไปขึ้นดอกเบี้ยในอีก 3 เดือนข้างหน้าจริง ความกังวลที่จะมีเงินไหลออก เพื่อกลับไปยังสหรัฐ หรือสินทรัพย์ที่เป็นสกุลดอลลาร์ ก็จะถูกชะลอออกไป
ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งศาลซีแอตเทิลที่สั่งให้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ กรณีดังกล่าวมองว่าเป็นข่าวในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เพราะสัปดาห์ก่อน ข่าวนี้เป็นข่าวหนึ่งที่คอยฉุดให้ตลาดหุ้นอยู่ในแดนลบมาเกือบตลอดทั้งสัปดาห์
ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไปที่ 53.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดอลลาร์ที่อ่อนค่าและ supply ที่ลดลงจากกลุ่ม ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งตลาดหุ้นจีนกลับมาซื้อขายตามปกติ ทำให้ประเมินราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งน้ำมัน ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศ ยังคงเป็นช่วงของการรายงานผลการดำเนินงานและคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/59 บางกลุ่ม อย่างเช่น ผู้ประกอบการโทรศัพท์อาจดูไม่ดีนัก เพราะมีการปรับลดนโยบายจ่ายเงินปันผล ส่วนหุ้นกลุ่มอื่น ๆ คาดจะทยอยออกมาเรื่อย ๆ และมีผลต่อหุ้นเป็นรายตัวไป อย่างไรก็ตาม แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ถ่วงตลาดหุ้นไทย
"ตลาดน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังการตอบรับต่อข่าวในเชิงลบ คือนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ ไปมากพอควร และนายทรัมป์ เตรียมถอนเรื่องระงับการออก VISA ของพลเมือง 7 ประเทศ นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาด โดยอาศัยปัจจัยเฉพาะหุ้น เช่น หุ้นอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ เก็งกำไรในผลประกอบการไตรมาส 4 เป็นต้น"นายมงคล กล่าว
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนเช่นเดียวกับหลาย ๆ วันที่มองว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ยังแนะนำ ให้เน้นเล่นหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว หรือคนที่เล่นหุ้นตลาดหรือหุ้นใหญ่ อาจเลือกที่จะ “ถือ" ไว้ก่อนเพื่อรอดูทิศทางตลาด ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่น BANPU,KGI,STEC,TKN