น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) กล่าวว่า บริษัทยืนยันว่าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ของกลุ่มบริษัท จำนวน 3 โครงการ กำลังผลิต รวม 170 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้พัฒนาโครงการโดยใช้ที่ดิน ในพื้นที่โฉนดและพื้นที่เช่าชนิด น.ส.3 ก. เป็นส่วนใหญ่ โดยปราศจากการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ถูกประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2559 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของ บริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด (GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.00%) ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าซับพลูวินด์ฟาร์ม 1 และโครงการโรงไฟฟ้าซับพลูวินด์ฟาร์ม2 กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าวายุวินฟาร์ม กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
"จากกรณีดังกล่าว ขอให้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ว่าบริษัทได้ดำเนินการพัฒนาที่ดินในพื้นที่โฉนดและพื้นที่เช่าชนิด น.ส.3 ก. เป็นส่วนใหญ่ ปราศจากการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ ส.ป.ก.ในการพัฒนาโครงการ และประเด็นดังนั้นกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบหรือสร้างความไม่แน่นอนอันเกี่ยวเนื่องกับโครงการในอนาคต โดยบริษัท ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบันยังมองโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ในรูปแบบพลังงานลมและแสงอาทิตย์เพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย"น.ส.โศภชา กล่าว
ทั้งนี้ GUNKUL ได้ออกมาย้ำถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากเช้านี้มีรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ระบุว่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งยกเลิกบริษัทที่ดำเนินโครงการติดตั้งกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ส.ป.ก.ทุกราย (สัญญาเช่าเมื่อปี 2552 ในพื้นที่ ส.ป.ก.2 จังหวัดคือ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชัยภูมิ รวม 20 ราย เนื้อที่กว่า 700 ไร่) ซึ่งตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง หากทราบว่าการกระทำใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้แก้ไข 90 วัน คือ ภายในวันที่ 26 เมษายน 2560 โดยต้องทำตามกฎหมายทุกกรณี