บริษัท ไทย เอซี อินเตอร์เฟรช ดำเนินธุรกิจ ส่งออก นำเข้า จัดจำหน่ายผลไม้ทั้งในและต่างประเทศ แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในปี 62
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท ไทย เอซี อินเตอร์เฟรช จำกัด มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และอยู่ในระหว่างการเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งและระดมทุนได้ในปี 2562
“บริษัท ไทย เอซี อินเตอร์เฟรช จำกัด เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี มีศักยภาพในการเติบโต ด้วยการดำเนินงานจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี และมีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจของบริษัท ให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สามารถแข่งขันได้ รองรับการขยายตัวของตลาดผลไม้ในระดับการค้าโลก ซึ่งมีความต้องการผลไม้ไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก" นายสมภพ กล่าว
ด้านนายอารัมภ์ วิบูลย์พงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอซี อินเตอร์เฟรช จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจ ส่งออก นำเข้า จัดจำหน่ายผลไม้ทั้งในและต่างประเทศ มาตั้งแต่ปี 2552 มีแบรนด์ในปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 6 แบรนด์ โดยมีธุรกิจหลักเป็นการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน, ไต้หวัน, สหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ผลไม้ที่ส่งออกประกอบไปด้วย ทุเรียน, มะพร้าว, กล้วย, ลำไย, มังคุด
ขณะเดียวกันบริษัทได้นำเข้าผลไม้ อาทิ แอปเปิ้ล, เชอรี่, สตรอเบอรี่ สาลี่ และมันหวานญี่ปุ่นจากผู้ส่งออกชั้นนำของแต่ละประเทศทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังมีผลไม้ที่จัดจำหน่ายในประเทศภายใต้แบรนด์ Great Fruit, Happy B, Dr. Pear, Dutch Melon, Hokkaido Melon ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ Tops , Big C, Makro, Max Value และ 7-11 กลุ่มริมปิงซูปเปอร์มาร์เก็ต (เชียงใหม่), กลุ่มเซ็นโตซ่า (ขอนแก่น), กลุ่มมหาชัย (ขอนแก่น)
“ภาพรวมตลาดผลไม้มีแนวโน้มการขยายตัวดีทั้งการส่งออกและการนำเข้า จากความต้องการบริโภคที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ บริษัทมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยมีแนวทางที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออกและนำเข้ากับประเทศคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนขยายตลาดการส่งออกใหม่ อาทิ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น บริษัทจึงมีแผนที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนมาขยายธุรกิจและเป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการ ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็น "Fruit Solution" โดยแต่ละแบรนด์จะมีการประกันคุณภาพ ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของการนำผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยแต่งตั้ง บริษัท แอสเซท โปร แมแนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน" นายอารัมภ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2557-2558 บริษัทมีรายได้จากการขาย 74.31 ล้านบาท และ 954.71 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2557 มีจำนวน 0.70 ล้านบาท และปี 2558 มีจำนวน 22.32 ล้านบาท โดยในปี 2559 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1,150 ล้านบาท แบ่งเป็น การส่งออกผลไม้ 1,050 ล้านบาท การนำเข้าผลไม้ 85 ล้านบาท และจำหน่ายในประเทศ 15 ล้านบาท โดยสัดส่วนการส่งออกไปที่ ประเทศจีน 78% ไต้หวัน 12% อเมริกา 10%