นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างในปีนี้ค่อนข้างทรงตัว แต่ยังมองเห็นปัจจัยบวก 3 ปัจจัย ได้แก่ การลงทุนพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐที่จะส่งผลให้เมืองขยายตัว ทำให้เกิดการก่อสร้างบ้านและคอนโดมิเนียมตามมา ,การที่ผู้บริโภคบางส่วนหมดภาระผ่อนหนี้ในโครงการรถยนต์คันแรกไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนใช้เงินในการปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมากขึ้น
โดยทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ จะเน้นการเสนอนวัตกรรมสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ด้วยเทคโนโลยีระบบการก่อสร้างและรูปแบบการอยู่อาศัยที่มี Performance เป็นระดับขั้นที่แตกต่างตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย เพื่อลงชิงส่วนแบ่งตลาด พร้อมอัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เชื่อว่าจะช่วยหนุนยอดขายของกลุ่มธุรกิจเฉพาะภายในประเทศในปีนี้เติบโต 1-3% จากราว 1 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดวัสดุก่อสร้าง ที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อย หรือเติบโตได้ราว 1-3% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4.5 แสนล้านบาท จากปี 59 อุตสาหกรรมดังกล่าวติดลบประมาณ 2% จากตลาดวัสดุก่อสร้างหดตัว
"จากกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดจนกิจกรรมการตลาดที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก เรามั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินธุรกิจในปีนี้เติบโต 1-3% ในทิศทางเดียวกับตลาด"นายนิธิ กล่าว
นายนิธิ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจจะใช้งบลงทุนด้านการตลาดจำนวน 200 ล้านบาท โดยเตรียมจัดแคมเปญการตลาดเพื่อคืนกำไรและกระตุ้นการซื้อในกลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่มตลอดทั้งปี ทั้งกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ และกลุ่มที่ต้องการรีโนเวทบ้านเก่า และยังดำเนินการวิจัยและเปิดตัวนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต ภายใต้เทคโนโลยีก่อสร้างที่อยู่อาศัยแบบ Performance Based
นอกจากนี้ช่องทางการจัดจำหน่ายของกลุ่มธุรกิจ จะยังคงเดินหน้ารุกช่องทางจำหน่าย อี-คอมเมิร์ซ ที่สะดวก รวดเร็ว และวางใจได้ โดยพัฒนาระบบขายผ่านเว็บไซต์ www.scgshoppingexperience.com ซึ่งปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าบนเว็บกว่า 2,500 รายการ ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าแลนด์สเคป และกลุ่มสินค้าเอสซีจี เอลเดอร์แคร์โซลูชั่น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ราว 10 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของเอสซี โฮมซูลูชั่น ปัจจุบันมีสาขาจำนวน 41 สาขา และเอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความรู้ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนของการสร้างบ้าน และ SCG Authorized Dealer มีสาขาจำนวนกว่า 356 สาขา ซึ่งจะมีการยกระดับศูนย์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการลงทุนในด้านวัสดุก่อสร้างในปีนี้ คงไม่ได้มากนัก เพราะจะใช้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเท่านั้น