นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมกาเคม (ประเทศไทย) หรือ MGT เปิดเผยว่า หลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯได้เดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีผู้สนใจเข้ารับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยบริษัทฯคาดว่าเร็วๆนี้จะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และกำหนดวันในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ โดยหลังจากเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้วบริษัทฯวางเป้าหมายที่จะเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
สำหรับจุดเด่นของบริษัทฯ คือเป็นผู้จัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemical) สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนเติม (Additive) ในส่วนประกอบหลักเพื่อทำปฏิกิริยาเคมีให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติ หรือคุณลักษณะตามที่ต้องการ โดยจัดจำหน่าย และให้บริการเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริษัทฯมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่า 1,000 ชนิด จากผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 400 ราย ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมพอลีเมอร์ (ซึ่งใช้เคมีภัณฑ์ของบริษัทในการบวนการสร้างโพลีเมอร์ หรือ Polymerization สำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น พลาสติก เรซิ่น กาว หรือเส้นใยสังเคราะห์เป็นต้น)
อุตสาหกรรมสี หรือ อุตสาหกรรมน้ำยาเคลือบผิวโลหะ เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯมุ่งเน้นถึงการให้บริการด้านเคมีภัณฑ์ที่หลากหลาย การจัดส่งที่ตรงต่อเวลา มีการให้บริการของบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้า
ทั้งนี้บริษัทฯมุ่งเน้นในการจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ให้แก่ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมพอลิเมอไรเซชั่น อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ภายในประเทศไทยเป็นหลัก โดยสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศต่อรายได้รวม ในปี 58 อยู่ที่ 99.56% และ 9 เดือนแรกปี 59 อยู่ที่ 99.55%
สำหรับเงินที่ได้จากการ ระดมทุน IPO บริษัทฯมีแผนในการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 60 ขยายสาขาในประเทศ ที่จังหวัดนครพนม และหาดใหญ่ โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6 ล้านบาท หรือสาขาละ 3 ล้านบาท
ส่วนในปี 61 บริษัทฯเตรียมขยายสาขาในต่างประเทศ ที่เมียนมา และกัมพูชา โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท หรือสาขาละ 5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อที่รองรับการขยายธุรกิจต่อไป ขณะที่คาดว่าหลังจากระดมทุนแล้ว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จะลดลงเหลือไม่ถึง 1 เท่า จากปัจจุบัน D/E อยู่ที่ 1.2 เท่า อนึ่ง ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังของ MGT ในปี 56 มีรายได้รวม 722.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 88.94 ล้านบาท ปี 57 มีรายได้รวม 615.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 55.67 ล้านบาท ปี 58 มีรายได้รวม 536.19 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 44.75 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 59 มีรายได้รวม 438.40 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 25.19 ล้านบาท