นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดทุนไทยในช่วงนี้ยังคงได้รับการประคับประคองจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้เงินบาทสามารถทรงตัวแข็งค่าอยู่ได้ และทำให้การปรับฐานแรง ๆ ของ SET Index ในช่วงนี้ยังคงเกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ดี Upside ของดัชนียังคงถูกจำกัดจาก Valuation ที่อยู่ในระดับสูงแล้ว จึงมองว่าดัชนีจะปรับตัวออกด้านข้างในกรอบ 1,530-1,620 จุดต่อไปสำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้
โดยนับตั้งแต่เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา (สิ้นสุดวันที่ 6 ก.พ.) หุ้นปันผลที่อยู่ในกลุ่ม SETHD ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.6% สูงกว่าตลาดรวม SET Index ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.7% และกลุ่มหุ้นเติบโต หรือ sSET ที่ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่านักลงทุนจะหันมาโฟกัสการลงทุนในหุ้นปันผลมากขึ้น หลังหลายบริษัทเตรียมที่จะรายงานผลประกอบการประจำปี 2559 และประกาศจ่ายเงินปันผล
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำให้ถือลงทุนในหุ้นปันผลต่อเนื่อง ประกอบด้วย AP, TISCO, AMATA, HANA, KTB, QH, SC, SCC, SIRI, TCAP ซึ่งราคาหุ้นหลายบริษัทในกลุ่มนี้ยังคงปรับตัว Laggard ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้าลงทุนใหม่ จึงสามารถโฟกัสการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ได้อยู่
นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับขึ้นอย่างโดดเด่นในเดือนกุมภาพันธ์ คือ กลุ่มธนาคาร โดยให้ผลตอบแทนในช่วงสัปดาห์แรกสูงถึง 2.2% เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้น และแนวโน้มเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่มีความชันสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของกลุ่ม
ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเพียงกลุ่มเดียวในตลาดที่ปัจจุบันยังคงซื้อขายด้วยระดับ Forward PE และ Forward PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ดังนั้น ถือเป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจเข้าลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Valuation ของตลาดหุ้นไทยโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงแล้ว โดยประเมินหุ้นที่น่าสนใจ (Top pick) ในกลุ่มนี้ได้แก่ TCAP, TISCO, SCB แต่ในระยะสั้นนักลงทุนอาจเพิ่มการลงทุนในหุ้นธนาคารตัวอื่นที่มี Dividend yield สูงได้ด้วย เช่น KKP และ KTB