(เพิ่มเติม) MK คาดโครงการ"พาร์ค คอร์ท"ปล่อยเช่า-ขายหมดภายใน Q1/61,ตั้งเป้าเปิด 5 โครงการใหม่ปีนี้ มูลค่ารวม 5.4 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 7, 2017 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวดุษฎี ตันเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) กล่าวว่า การพัฒนาโครงการ"พาร์ค คอร์ท" ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นต์และคอนโดมิเนียมระดับบน บนใจกลางสุขุมวิท 77 นั้น จะสามารถปล่อยเช่าและขายได้ทั้ง 100% ภายในไตรมาส 1/61 เนื่องจากปัจจุบันอุปทานสะสมของตลาดอพาร์ทเม้นต์ใจกลางกรุงเทพฯที่มุ่งเจาะกลุ่มระดับบน มีจำนวนประมาณ 12,000 ยูนิต โดยมีอัตราอุปสงค์อยู่ที่ 90% ขณะที่คอนโดมิเนียมระดับราคา 1.5-2.0 แสนบาท/ตารางเมตร ที่มีพื้นที่ใช้สอยระหว่าง 250-300 ตารางเมตรนั้น เป็นอุปทานที่มีอยู่น้อยมากในตลาด สวนทางกับอุปสงค์ที่ต้องการห้องพักที่มีพื้นที่ใหญ่สำหรับครอบครัว

ขณะที่โครงการพาร์ค คอร์ท จะจับตลาดทั้งกลุ่มเช่าระยะยาว และซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน ด้วยการนำเสนอยูนิตที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ถึง 300 ตารางเมตร โดยกลุ่มตลาดเพื่อเช่าจะเน้นกลุ่มชาวต่างชาติและนักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานในไทย หรือชาวต่างชาติที่ต้องการอยู่แบบครอบครัวใหญ่ ขณะที่กลุ่มตลาดเพื่อขายจะเน้นเจาะกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ที่อยากลงทุนเพื่อปล่อยเช่าในพื้นที่ดังกล่าว โดยบริษัทจะเป็นผู้บริหารจัดการและดูแลการปล่อยเช่าให้แบบครบวงจร

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าในจำนวน 70 ยูนิตของโครงการนี้ เป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง 50% และเป็นปล่อยเช่า 50% โดยลูกค้าหลักเป็นต่างชาติฝั่งตะวันตก อย่างอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ประมาณ 70% และเอเชีย 30% เช่น ญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะเปิดให้เช่าได้ไตรมาส 4/60 ทันที หลังจากที่คาดว่าโครงการจะก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาสดังกล่าว

นางสาวดุษฎี กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนสำหรับทำโครงการเพื่อขาย 75% และลงทุนสำหรับธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้จากการเช่า 25% โดยปีนี้บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่ารวม 5,475 ล้านบาท รวมโครงการ"พาร์ค คอร์ท"แล้ว ทำให้ยังเหลือการพัฒนาโครงการแนวราบอีก 4 โครงการ ภายใต้แบรนด์"ชวนชื่น" ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ ระดับราคาเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท/ยูนิต

โดยในปี 64 บริษัทวางแผนจะมีสัดส่วนรายได้จากการขาย และรายได้จากการเช่าเท่ากันที่ระดับ 50% จากปีนี้ที่รายได้จากค่าเช่ายังน้อยมาก ซึ่งบริษัทมีที่ดินเปล่าที่จะพัฒนาเพื่อทำโรงงานให้เช่าอีกหลายร้อยไร่ เตรียมจะพัฒนาในระยะต่อไปด้วย

"เราจะโตทั้งพัฒนาโครงการเพื่อขายและธุรกิจรายได้จากค่าเช่า ทั้งโรงงาน คลังสินค้าให้เช่า และอพาร์ทเมนต์ให้เช่า ซึ่งการพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กำไรที่ดีกว่ารายได้จากค่าเช่าก็จริง แต่รายได้ค่าเช่าจะมั่นคงกว่า กินยาว เป็นการกระจายความเสี่ยง หากเศรษฐกิจไม่ดี อสังหาฯขายยากก็ยังมีรายได้ค่าเช่า ก็จะมีความมั่นคงมากขึ้น"นางสาวดุษฎี กล่าว

นางสาวดุษฎี กล่าวว่า ในส่วนของโครงการเพื่อขายปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) 300 ล้านบาท ขณะที่โครงการของบริษัทจะเป็นการสร้างเสร็จก่อนขายทั้ง 100% ทำให้การโอนเกิดขึ้นได้เร็ว และการทำขั้นตอน Pre Approve ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับธนาคารทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อก็จะน้อยลง จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 25% และปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 15-20% ขณะที่มองตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้โต 3-4% ตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ โดยความเชื่อมั่นของลูกค้ายังมีอยู่ เพียงแต่เลือกสินค้าและทำเลที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้ยอด Pre Approve ดูดีขึ้น โดยช่วงเดือนม.ค.เริ่มเห็นสัญญาณลูกค้ากลับเข้ามาแล้วเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ