นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ จากแรงเก็งกำไรตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา แต่เชื่อว่าในช่วงปลายเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า ด้วยประเด็นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอาจจะสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนได้ เพราะกำไรในไตรมาส 4/59 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมอาจจะออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้อาจเกิดแรงขายออกมาได้
นอกจากนี้ มองว่าเงินบาทยังมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงตามเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่จะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากทางยุโรปมีเรื่องของการเลือกตั้งอยู่หลายประเทศ อย่างเนเธอร์แลนด์ จะเลือกตั้งในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ซึ่งก็มีประเด็นที่มีกลุ่มการเมืองพวกหนึ่งที่ต้องการจะออกจากสหภาพยุโรป (EU) ด้วยเหมือนกัน และจะมีการประชุมธนาคารกลางของหลายประเทศ ซึ่งมองว่าต่อไปประเทศต่าง ๆ อาจจะใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น จากก่อนหน้าที่ใช้นโยบายผ่อนคลาย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้กรอบการแกว่ง 1,578-1,592 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,090.29 จุด เพิ่มขึ้น 37.87 จุด (+0.19%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,674.22 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,293.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด (+0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 40.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 5.00 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 46.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 13.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.พ.60) 1,582.52 จุด ลดลง 6.61 จุด (-0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 532.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.พ.60) ปิดที่ 52.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.พ.60) ที่ 5.53 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.05 กลับมาอ่อนค่าหลังดอลล์แข็งจากวิตกการเมืองฝรั่งเศส
- "กกพ." ชะลอออกใบอนุญาตฯ โครงการวินด์ฟาร์ม 11 ราย จำนวน 700 เมกะวัตต์ รอความชัดเจนจาก ส.ป.ก.ที่ขอเวลาสรุป 1 สัปดาห์ ขณะที่แม้แต่ 4 รายที่ COD แล้ว 354 เมกะวัตต์ก็ยังต้องลุ้นรับหากที่สุดต้องยกเลิกหมดจะก่อให้เกิดความเสียหาย 8-9 หมื่นล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้า ราชบุรีฯรอคำความชัดเจนตรวจสัญญาเช่าที่ดินทำโรงไฟฟ้าพลังลมจากส.ป.ก. ยันหากได้รับหนังสือยกเลิกจะดำเนินการฟ้องเพื่อความยุติธรรม
- ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า มีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยถึง 200% จากหลายปัจจัย อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศหลักอย่างญี่ปุ่น จีน ขณะที่ประเทศไทยเองรัฐบาลก็มีนโยบายลงทุนและมีแนวดำเนินการตามแนวทางประชารัฐ ทำให้ภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติมั่นใจที่จะลงทุนมากขึ้น
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยหลังจากเปิดให้บริการพร้อมเพย์เพื่อโอนเงินระหว่างบุคคลกับบุคคล เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีธุรกรรมโอนเงินของประชาชนยังน้อย เฉลี่ยวันละ 1.5 หมื่นรายการ/วัน ถือเป็นปริมาณการโอนที่น้อยมาก ถ้าเทียบกับความสามารถของระบบที่จะรองรับการโอนได้อีกมาก โดยช่วงแรกๆ มีผู้เข้าไปทดลองใช้กันมากพอสมควร
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559-ม.ค. 2560 รวม 4 เดือน มีการเบิกจ่ายรวม 1.105 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40.46% ของงบประมาณรวม สูงกว่าเป้าหมาย 3.69% แยกเป็นการเบิกจ่ายงบประจำ 9.95 แสนล้านบาท จากทั้งหมด 2.18 ล้านล้านบาท หรือ 45.56% สูงกว่าเป้าหมาย 6.03% เป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุนไม่รวมงบกลางรวม 1.10 แสนล้านบาท หรือ 23.88% ของงบลงทุนรวม 4.64 แสนล้านบาท แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เป็นอัตราสูงสุดในรอบหมายปี รวมทั้งมีการก่อหนี้ผูกพันไปแล้ว 2.57 แสนล้านบาท หรือ 55.33% ของงบลงทุนทั้งหมด
- ครม.ไฟเขียวขยายเวลามาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เว้นค่าธรรมเนียม VISA สำหรับ 21 ประเทศ ต่ออีก 6 เดือน หลังพบดำเนินมาตรการรอบแรกผลตอบรับดี สร้างรายได้ 6.44 พันล้านบาท
- ครม.หนุนแผนตั้งนิคมฯ อุตสาหกรรมการบิน ดันไทยเป็นฮับการบินและศูนย์ซ่อมบำรุงในภูมิภาคอาเซียน ภายในระยะ 15 ปี หวังผลสร้างเศรษฐกิจเพิ่มอีกกว่าหมื่นล้านบาท จ้างงานอีกกว่า 7,500 ตำแหน่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.20 บาท ภาวะอุตสาหกรรมสดใส ยอดขายรถบรรทุกมีความต้องการหนาแน่น บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปัจจุบัน 15-18% เป็น 20-24% โดยการปล่อยสินเชื่อเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงตามการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและการ Reprice หุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงในอดีต โดยยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2560 +6% Y-Y แต่อาจมี upside หากตั้งสำรองฯน้อยกว่าคาดและต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าคาด และคาดจ่ายปันผล 0.22 บาท/หุ้น (yield 4.2%)
- TASCO (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 27.50 บาท ปี 60 คาดกำไรโต 17.4%YoY จากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ (อินโดฯจีน) ที่คาดฟื้นตัวแข็งแกร่งรวมถึงมาร์จิ้นคาดปรับตัวดีขึ้นหลังราคายางมะตอยเดือน ม.ค. 60 ปรับตัวขึ้น 30%MoM ขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบทรงตัวในกรอบ 55 เหรียญฯ/บาร์เรล และมี Upside 10.9%
- QH (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 3.10 บาท ตั้งเป้ายอดขายปี 60 เพิ่มขึ้น 20% หรือที่ 18,000 ล้านบาท ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบเป็นหลักทั้งหมด 10 โครงการ พร้อมพัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ Q District ที่คาดจะได้ประโยชน์จาก Economy-of-Scale พร้อมปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ลง 2% เป็น 3,208 ล้านบาท (+3%YoY) จากแนวโน้มผลประกอบการ 4Q59 ที่คาดต่ำกว่าประมาณการเดิม เมื่อพิจารณาจาก Backlog รอโอนที่ต่ำ รวมถึงโครงการแนวราบเปิดโอนใหม่ที่น้อยใน 4Q59 ทั้งนี้คาดผลประกอบการปี 60 จะเติบโตได้ราว 5%YoY โดยคาดจะมาจากการขายโอนโครงการแนวราบเป็นหลัก และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6%
- MAJOR (ยูโอบี เคย์เฮียน) ปี 60 วางแผนขยายโรงภาพยนตร์อีก 70-80 โรง จากปัจจุบันที่ 700 โรง โดยคาดผลประกอบการปีนี้ฟื้นตัวชัดจากการบริโภค หน้าภาพยนตร์ที่แข็งแกร่ง และผลดีจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา