นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและงานขายกลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส ผนึกพันธมิตรระดับโลก Google นำสุดยอดอุปกรณ์ทีวีสตริมมิ่งแห่งโลกบันเทิง "Google Chromecast" มาวางจำหน่ายในไทยแล้ว โดยเอไอเอสได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ รายแรกและรายเดียวในประเทศ พร้อมให้บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานและวางใจได้ เปิดจำหน่ายแล้ววันนี้บน AIS Online Store และในงาน Thailand Mobile Expo ระหว่างวันที่ 9 -12 ก.พ.60 โดยซื้อภายในงาน รับโปรสุดแรง ดูหนังฮอลลีวู้ดจาก HOOQ ไม่อั้น 3 เดือน
ทั้งนี้ คาดว่าจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมทีวีและดิจิทัลคอนเทนท์ของเมืองไทย เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การดูทีวีของคนไทยไปอีกขั้น และเติมเต็มประสบการณ์ความบันเทิงครั้งใหม่ ขยายความสนุก เพิ่มความสุขจากจอเล็กบนมือถือ สู่จอใหญ่บนทีวี ให้ลูกค้าได้สนุกสนานกับคอนเทนท์บนแอป AIS PLAY รวมทั้งวีดิโอคอนเทนท์บนอินเตอร์เน็ตอีกมากมาย
"กลยุทธ์ด้านการตลาด Device ของเอไอเอสในปีนี้ เราจึงไม่ได้ทำเพียงตลาดสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเน้นนำอุปกรณ์พิเศษ พวก Special Device และ Gadget เข้ามาจัดจำหน่ายและให้บริการ เพื่อขยายประสบการณ์การใช้ชีวิตดิจิทัลให้กับลูกค้าและคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ดังเช่น การเปิดขาย "Google Chromecast" อย่างเป็นทางการ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่า จะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานจากเอไอเอส"นายฐิติพงศ์ กล่าว
นายฐิติพงศ์ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ตลาด Device ของเอไอเอส จะมีความเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม เน้นออกแคมเปญสมาร์ทโฟนราคาพิเศษ ที่มาพร้อมแพ็กเกจค่าโทรและค่าเน็ตสุดคุ้ม พ่วงคอนเทนท์โดนใจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม รวมทั้งจับมือพันธมิตร แบรนด์ชั้นนำ มอบข้อเสนอพิเศษที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะลูกค้าเอไอเอส เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กับการเปิดขายซัมซุง A3 ซึ่งจัดจำหน่ายที่ช่องทางของเอไอเอสเท่านั้น ตลอดจนการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม Special Device เข้ามาให้บริการในประเทศไทยก่อนใครเสมอ
ทั้งนี้ พฤติกรรมของลูกค้ามีการใช้งาน DATA และดิจิทัลคอนเทนท์มากขึ้นอย่างมหาศาล โดยปีที่ผ่านมาในส่วนของลูกค้าเอไอเอสนั้น มียอดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 24 ล้านราย ในจำนวนนี้ 12 ล้านราย ใช้งานผ่านมือถือ 4G และใช้อินเตอร์เน็ตวันละ 6 ชั่วโมง โดยพบว่ามีการชมวีดีโอถึง 10 ล้านคลิปต่อวัน รวมถึงอัพโหลดภาพวันละ 1.8 ล้านภาพ ตลอดจนการเข้ามาของอุปกรณ์ IoT ทำให้เกิดการใช้งานแบบ Personal use ขึ้นมากมาย