นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บมจ. แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยแผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 60 ว่า บริษัทเตรียมเปิด 8 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่กรุงเทพฯ จำนวน 6 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 2 โครงการ พร้อมตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 21,000 ล้านบาท โดยรุกขยายตลาดต่างประเทศไปยังดูไบและญี่ปุ่น
“บริษัทตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมในปี 60 ไว้ที่ 21,000 ล้านบาท รวมทั้งประมาณการณ์รายได้คอนโดมิเนียมไว้ที่ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% จากยอดขายรวมทั้งปี 36,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ยอดขายคอนโดมิเนียมน่าจะได้ตามเป้า นอกจากนี้แล้วยังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ทยอยโอนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด"นายอุทัย กล่าว
โครงการที่ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ อาทิ เอดจ์ สุขุมวิท 23 (EDGE Sukhumvit 23) ที่เริ่มโอนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา, ดีคอนโด รังสิต, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน, บ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์ พัทยา, ดีคอนโด นิม เชียงใหม่ รวมถึงล่าสุดยังประสบความสำเร็จสามารถโอนโครงการคอนโดมิเนียม The XXXIX’ (เดอะ เทอร์ทีไนน์) ได้หมด 100% นอกจากนี้ยังสานต่อความสำเร็จโครงการคอนโดมิเนียม KHUN by YOO inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค) บนใจกลางทองหล่อ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ปัจจุบันโกยยอดขายไปแล้วถึงกว่า 65%
นายอุทัย กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปีนี้บริษัทจะต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการรุกทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ไว้ถึง 7,500 ล้านบาท เติบโตเกือบ 40% จากปี 59 ที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายตลาดต่างชาติได้ 5,400 ล้านบาท ด้วยการเจาะกลู่มลูกค้าใหม่ คือ ญี่ปุ่น และ ดูไบ พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าเดิมอย่าง จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค.นี้ บริษัทเตรียม Grand Opening เดอะ ไลน์ 2 โครงการ คือ “เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์” และ “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101” แบบ Global launch เต็มรูปแบบใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ขณะที่คอนโดมิเนียมโครงการอื่นก็วางแผนที่จะนำไปโรดโชว์กับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
นายอุทัย กล่าวอีกว่า บริษัทจะสานต่อความสำเร็จของโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เดอะ โมนูเมนต์” และ “เดอะ เบส” เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังทยอยโอน เดอะ ไลน์ สุขุมวิท71 ที่แล้วเสร็จ 100% เป็นโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือของสองบริษัทที่จะเริ่มรับรู้กำไร ปัจจุบันโอนไปแล้ว 80% และเตรียมโอน เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต มูลค่าประมาณ 5,700 ล้านบาทในเดือน ก.ย.60
นอกจากนั้น บริษัทยังจะเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ในใจกลางเมืองย่านธุรกิจอีก 2 ทำเล คือ สุขุมวิทและทองหล่อ รวมทั้งบุกทำเลใหม่ ซึ่งไฮไลท์ในปีนี้บริษัทจะบุกตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลที่บริษัทไม่เคยเปิดตัวมาก่อน อาทิ “เพชรเกษม” และ “สาทร” รวมถึงยังเตรียมเปิดตัว ดีคอนโด แคมปัส ซึ่งเป็น Affordable Condominium หรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา 1-3 ล้านบาทในทำเลใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอีกด้วย ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเล็งเปิดคอนโดมิเนียมในจังหวัดที่มีดีมานต์อย่างเชียงใหม่ต่อเนื่อง
รวมทั้งเปิดตัวแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการ “98 Wireless” (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนทำเลที่พักอาศัยระดับเอ็กซ์คลูซีฟบนถนนวิทยุ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,700 ล้านบาทอย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค.
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทยังกตามแผนสร้าง Innovation and digital ecosystem โดยการจัดตั้ง Venture Capital เพื่อมองหาโอกาสการลงทุนธุรกิจ “Property Tech”ล่าสุดร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อตั้ง Venture Capital ชื่อบริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างแสนสิริ และไทยพาณิชย์ 90:10 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ลงทุนและพัฒนาในนวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต และการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย (Property Technology)เต็มรูปแบบรายแรกของไทย
ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ สำหรับลูกค้าตลอดเวลา โดยยกระดับศักยภาพของ Home Service โมบายแอพพลิเคชันสำหรับลูกบ้านแสนสิริ เพื่อบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต และสามารถขยายขอบข่ายบริการในตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งปัจจุบัน Home Service มีจำนวนผู้ใช้ซึ่งเป็นลูกบ้านของแสนสิริแล้วจำนวนถึงกว่า 13,000 ราย ใน 135 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ยังได้นำระบบ Smart Home Integration มาใช้ โดยเปิดตัวใช้ที่โครงการ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) และโครงการ The XXXIX (เดอะ เทอร์ทีไนน์) โครงการเป็นครั้งแรก
สำหรับโครงการ คอนโดมิเนียม KHUN by YOO inspired by Starck มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท บนใจกลางทองหล่อ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีในตอนนี้นั้น ที่มาของความชอบของลูกค้าเนื่องจากเป็นโครงการ Branded Condominium แห่งแรกของ SIRI ที่จับมือกับ YOO Design Studio บริษัทดีไซน์ระดับโลก รวมถึง Philippe Starck นักออกแบบอัจฉริยะชื่อดังของโลก เพื่อสร้างผลงานระดับ Iconic Piece ที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพมาตรฐานระดับโลก บนสุดยอดทำเลแห่งการพักอาศัยใจกลางเมือง
นาย John Hitchcox ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YOO Design Studio เปิดเผยว่า YOO Design Studio (ยู ดีไซน์ สตูดิโอ) ได้ร่วมงานกับแสนสิริเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร สำหรับลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่วูบไหวของย่านทองหล่อ โดยโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด “Industrial Heritage” สะท้อนความทันสมัยของย่านทองหล่อ ทำเลที่พักอาศัยคุณภาพใจกลางเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของกรุงเทพฯ ผสานความหรูหรา ทันสมัย กับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยเส้นสายที่สร้างลวดลายสมมาตรทำให้เกิดจังหวะที่ต่อเนื่อง การเลือกใช้วัสดุที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราอย่างหินอ่อน และความแปลกใหม่ อย่างปูนเปลือย ทองแดง หินขัด ฯลฯ การออกแบบภายในมีการเล่นสีสันที่ตัดกันและใช้เฟอร์นิเจอร์รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ (Oversize) โดยให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้สอยอย่างครบถ้วนลงตัว เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในงานดีไซน์ที่ผสมผสานงานศิลปะ
ทั้งนี้ โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่ ใจกลางซอยทองหล่อ 12 เป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 27 ชั้น จำนวน 148 ยูนิต ประกอบด้วยยูนิต 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ตั้งแต่ 41.50 - 302.75 ตารางเมตร มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ราคายูนิตเริ่มต้น 15 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.63