นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ทิศทางของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของตลาดรวมในปี 60 คาดการณ์ว่ามีโอกาสฟื้นตัวที่ 2-4% ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 60 ของลีสซิ่งกสิกรไทยจะเน้นทำการตลาดในเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มรถยนต์นั่งและกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์และแคมเปญส่งเสริมการขายใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างที่ 96,430 ล้านบาทและตั้งเป้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ไม่เกิน 1.82%
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 60 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่ามีโอกาสขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ประมาณ 2-7% หรือมียอดขายประมาณ 785,000 ถึง 825,000 คัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและโครงการรถยนต์คันแรกที่จะทยอยครบกำหนดในครึ่งปีหลัง 60 นี้
ประเภทของรถยนต์ที่มีโอกาสจะเติบโตได้ดี คือ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถหรูสัญชาติตะวันตก รถบรรทุก และรถกระบะแบบ 4 ประตู (Double Cab) โดยกลุ่มรถยนต์นั่งมีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นที่ 3-8% หรือคิดเป็นจำนวน 337,000-355,000 คัน จากการซื้อรถคันใหม่เมื่อครบกำหนดโครงการรถยนต์คันแรกและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะเติบโตตามการลงทุนของประเทศ ทั้งการลงทุนจากโครงการภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่บรรเทาลง โดยคาดว่าน่าจะมีโอกาสขยายตัว 2-7% หรือคิดเป็นจำนวน 448,000 ถึง 470,000 คัน ซึ่งกลุ่มที่คาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดี คือ รถบรรทุกและรถกระบะทั้งแบบตอนเดียว (Single Cab) และแบบ 4 ประตู (Double Cab) ส่วนแนวโน้มตลาดรถยนต์มือสองในปีนี้น่าจะมีทิศทางชะลอตัวลงจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงปริมาณรถจากโครงการรถยนต์คันแรกที่เข้าสู่ตลาดรถมือสองเพิ่มขึ้นทำให้โอกาสที่รถยนต์มือสองจะปรับขึ้นราคาทำได้ยาก
ในด้านตลาดสินเชื่อรถช่วยได้หรือการนำรถมากู้เงินยังมีแนวโน้มที่สดใส โดยคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขสองหลักและมีระดับหนี้เสียต่ำ เนื่องจากผู้ที่ขอสินเชื่อประเภทนี้ส่วนใหญ่มักมีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ได้และบางรายอาจใช้รถเพื่อทำธุรกิจทำให้มีความเสี่ยงน้อยลง สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงสนใจขยายตลาดดังกล่าว
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ในปี 60 คาดว่ายังคงมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกกว่า 17% หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 2.7 หมื่นคันจากยอดขาย 2.3 หมื่นคันในปี 59 โดยมีแรงหนุนจากการเพิ่มรถรุ่นใหม่ ๆรวมถึงการขยายเซ็กเมนต์เพื่อตอบสนองลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปี 59 ว่า สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 79,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 9.72% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่งและสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 37,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น19.21% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 42,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 90,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.28% ในขณะที่สภาพตลาดรถยนต์ในประเทศโดยรวมในปีที่แล้วยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งนี้ บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.65% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 820 ล้านบาทเติบโต 25.19%