โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.การบินกรุงเทพ (BA) หลังคาดกำไรไตรมาส 4/59 จะเติบโตสูง จากการเปิดเส้นทางบินใหม่ และการเข้าร่วมทำสัญญาความตกลงเที่ยวบินร่วม (Codeshare Agreement) ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการเพิ่มเครื่องบินใหม่และต้นทุนน้ำมันที่ลดลง ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน ขณะที่ในปีนี้จะได้รับประโยชน์จาการปรับเพิ่มค่าโดยสารภายในประเทศอีก 200 บาท/คน/เที่ยวเพื่อชดเชยการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน รวมถึงการที่รัฐบาลขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ อีก 6 เดือน จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารมากขึ้นด้วย
ส่วนกรณีข่าวปัญหากรรมสิทธิพื้นที่สร้างสนามบินสมุยนั้น BA ยืนยันว่ามีกรรมสิทธิในพื้นที่สร้างสนามบินสมุยถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนพื้นที่เช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ที่กล่าวหาว่ามีบางส่วนซ้อนทับที่สาธารณะนั้น เป็นพื้นที่นอกรันเวย์ จึงมั่นใจไม่กระทบกับการดำเนินงาน แม้ในกรณีที่เลวร้ายสุด
ขณะที่ราคาหุ้น BA ปรับตัวลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เทียบกับตลาดที่เพิ่มขึ้น 2.5% จากแรงกดดันจากการขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบิน ประเด็นพื้นที่ทับที่สาธารณะ ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างถูก ขณะที่ยังคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรหลักที่ 18% ในช่วงปี 59-61
ราคาหุ้น BA พักเที่ยงอยู่ที่ 21.50 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.46%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.14%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เออีซี ซื้อ 31.00 เคจีไอ(ประเทศไทย) ซื้อ 30.20 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 29.50 ทิสโก้ ซื้อ 28.56 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเมื่ออ่อนตัว 25.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 25.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 28.60
นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทจัดให้หุ้น BA เป็น Top Pick เนื่องจากมองว่า BA มีโอกาสการเติบโตจากสนามบินสมุย ซึ่งจะมีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น และยังมีค่าโดยสารสูง ช่วยสนับสนุนการเติบโตของ BA
ทั้งนี้ คาดว่า BA จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 ที่ระดับ 236 ล้านบาท เติบโต 316.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเปิดเส้นทางบินใหม่ รวมถึงการทำ Codeshare เพิ่มขึ้น และการเพิ่มเครื่องบินใหม่ ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน แม้จะมีปัจจัยกดดันจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ไม่ดีนักในช่วงไว้อาลัยฯ และรายได้เฉลี่ยต่อราคาตั๋วยังมีทิศทางลดลงตามภาวะการแข่งขันที่ยังสูง ขณะที่ต้นทุนน้ำมันยังคงลดลง แต่ยังมีค่าซ่อมบำรุงที่สูงและค่าตอบแทนพนักงาน ทำให้ต้นทุนรวมคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านรายได้จากการขายและบริการคาดว่ายังเติบโต สวนทางค่าระวางขนส่งและบริการผู้โดยสารที่คาดลดลง ทำให้คาดว่าภาพรวมรายได้จะเติบโตไม่มากนักที่ราว 3% มาอยู่ที่ 5,966 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับคาดการณ์กำไรและรายได้ปี 60 ของ BA ขึ้น โดยปรับคาดการรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 27,664 ล้านบาท และกำไรเพิ่มเป็น 2,730 ล้านบาท จากเดิม 2,638 ล้านบาท หรือเติบโต 17.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลัง BA ปรับขึ้นค่าโดยสารภายในประเทศ ชดเชยการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน
"BA ประกาศขึ้นค่าโดยสารเที่ยวบินในประเทศ 200 บาท/คน/เที่ยวเพื่อชดเชยการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินภายในประเทศจาก 0.20 บาท/ลิตร เป็น 4 บาท/ลิตร ทำให้ผลกระทบจากการขึ้นภาษีลดลงไปมาก แต่การปรับราคาขึ้นอาจมีผลต่อผู้โดยสารคนไทยที่เดินทางในประเทศบ้างจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่วนผู้โดยสารต่างชาติคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างน้อย จึงไม่น่าจะกระทบ และ BA ยังได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าและลดค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาหนุน ทำให้ภาพรวมไม่กระทบ"นายสยาม กล่าว
นายสยาม กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจของ BA ในปี 60 มีแผนจะรับเครื่องบินใหม่อีก 5 ลำ จะส่งผลให้มีฝูงบินรวมเป็น 39 ลำ ในขณะเดียวกันยังมีการเพิ่มเส้นทางบินใน CLMV และยังมีแผนที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) โดยคาดว่าปีนี้จะได้เพิ่มอีก 2-3 สายการบิน และมีแผนจะเปิดเส้นทางบินใหม่ในอินโดจีน 2-3 เส้นทาง และเกาะสมุยไปจีนอีก 2 เส้นทาง จึงคาดว่าผู้โดยสารจะเติบโตที่ 13-15% จากเดิม 12-13% และอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เกิน 70% ขณะที่ BA ได้ทำประกันความเสี่ยง(hedging) น้ำมันไว้ 50% ในครึ่งปีแรก
ส่วนกรณีข่าวเรื่องที่ดินสนามบินสมุยที่ถูกกล่าวอ้างว่าทับที่พรุบางรักษ์เป็นพื้นที่ที่อยู่นอกรั้วรันเวย์ และที่ราชพัสดุที่เช่าจากกรมธนารักษ์ที่ถูกกล่าวว่ารุกล้ำที่สาธารณะเช่นกันก็เป็นที่ว่างเปล่า โดยทั้ง 2 จุดไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้าง หากในกรณีเลวร้ายสุดที่ต้องคืนพื้นที่และต้องยกเลิกเช่าพื้นที่จากกรมธนารักษ์ ก็จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของสนามบินสมุยและ BA ขณะที่แผนการปรับปรุงสนามบินสมุยและการขอเพิ่มเที่ยวบินยังคงดำเนินการตามแผน
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BA ค่อนข้างมั่นใจจะไม่มีปัญหาเรื่องการทวงคืนที่ดินสมุย ซึ่งในปี 42 ได้เข้าทำสัญญาขอเช่าที่ 30 ปี กับกรมธนารักษ์ โดยมีพื้นที่ 16 ไร่ที่ไม่ได้ติดกับรันเวย์ถูกเช่าเพื่อความปลอดภัยทางอากาศยานตามกฏหมายการบินในปี 2497 ที่ต้องการให้มีพื้นที่ปลอดภัย 150 เมตรหลังจากที่สิ้นสุดรันเวย์ และ 75 เมตรจากพื้นที่ครึ่งรันเวย์ ซึ่งมองว่าประเด็นนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินงาน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับรันเวย์
ขณะที่ราคาหุ้น BA ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เทียบกับตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้น BA ได้รับแรงกดดันจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน และประเด็นการขอคืนที่ดิน 16 ไร่ ทำให้มองว่าราคานี้คิดเป็น PER 14.5 เท่าสำหรับปี 60 และเป็นราคาที่น่าสนใจ
"BA ยังไม่ได้คุยกับหน่วยงานของภาครัฐว่าที่ดินเป็นบึงสาธารณะจริงหรือไม่ และหากกรมธนารักษ์ยกเลิกสัญญาการเช่าก็จะกระทบจำกัดต่อสนามบินสมุย เนื่องจากกฏหมายการบินห้ามสร้างอาคารในพื้นที่ 150 เมตร"บทวิเคราะห์ ระบุ
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเติบโตของกำไรหลักของ BA จะกลับมาอีกครั้งในไตรมาส 1/60 เพราะจากนโยบายของรัฐบาลในการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ของสถานฑูตไทยแก่ประเทศต่างๆ 19 ประเทศ รวมถึงประเทศจีน และการปรับลดค่าธรรมเนียมการออกวีซ่าจาก ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง จาก 2,000 บาท เหลือเพียง 1,000 บาท ในช่วงวันที่ 1 ธ.ค.59 จนถึง 28 ก.พ.60 ประกอบกับช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะพลิกกลับอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติเบื้องต้นของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) บ่งชี้ว่าจำนวนผู้โดยสารโดยรวมขยายตัวขึ้น 11% ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปีก่อนช่วงเดือน ธ.ค.ที่ขยายตัว 8.9% หนุนทั้งผู้โดยสารระหว่างประเทศ และผู้โดยสารภายในประเทศ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารในไตรมาส 1/60 จึงคาดว่ากำไรหลัก ในไตรมาส 1/60 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า แต่กำไรหลักของ BA ในไตรมาส 1/60 จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเครื่องบินที่ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้น BA ซึ่งปรับตัวด้อยกว่าตลาดโดยรวมในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยไปแล้ว ปัจจุบันราคาหุ้นค่อนข้างถูก โดยซื้อขายกันที่ PER ณ สิ้นปี 60 ที่ 16.2 เท่า และ PER (สายการบิน) อยู่เพียงแค่ 9.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 20.9 เท่า นอกจากนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรหลักที่ 18% ของ BA ในช่วงปี 59-61 เทียบกับตลาดที่ 8% ซึ่งสนับสนุนโดยการขยายเส้นทางบินและฝูงบิน น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อไป