KTBST มอง SET วันนี้แนวโน้มปรับขึ้นจากปัจจัยบวกศก.ไทย-ตปท.ดีต่อเนื่อง หนุนมีแรงซื้อกลับ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 15, 2017 09:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล. เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (15 ก.พ.) ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น จากปัจจัยบวกของเศรษกิจไทยและต่างประเทศที่ดี โดยจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเศรษฐกิจสหรัฐ ขยายตัวดีและมีแนวโน้มที่เฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาด หรือกลับเข้าสู่กรอบเวลาเดิม โดยก่อนหน้านี้ มีการคาดว่าเฟด จะไปขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือมพ.ค. แต่ถ้าตีความตามนี้ อาจปรับขึ้นในการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 14-15 มี.ค.นี้เลย ความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในการประชุมครั้งถัดไป ปรับขึ้นจาก 30% เป็น 34%

ทั้งนี้ จากการแถลงดังกล่าว มีทั้งบวกและลบต่อตลาดหุ้นไทย ส่วนที่เป็นบวกคือการย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐนั้นยังดีอยู่ (ดีกับกลุ่มส่งออก) แต่ฝั่งที่อาจถูกมองว่าลบ คือ ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นและกังวลเรื่อง Fund Flow จะมีตามมา

โดยการขายหุ้นใหญ่โดยเฉพาะกลุ่ม PTT บางตัว อาจมาจากปัจจัยเฉพาะตัว ซึ่งไปทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นวานนี้เสียไปด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันนั้นยังคงแกว่งในกรอบ 51-53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หุ้นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี อาจไม่ได้มีการปรับตัวขึ้นได้มากนัก

นายมงคล กล่าวว่า ภาพของตลาดหุ้นไทย ดูจากปริมาณเงินที่เข้ามาในตลาดเอเชียส่วนใหญ่จะคล้าย ๆ กัน คือ มีเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรและชะลอในตลาดหุ้น ซึ่งน่าจะมาจากนักลงทุนกำลังรอดูตัวแปรสำคัญ ๆ อาทิ นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ การเมืองของยุโรป ส่วนทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ มีความชัดเจนมากขึ้นในคืนที่ผ่านมา จึงประเมินว่า ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและของต่างประเทศ ที่ยังดีต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาด ดัชนีฯ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากวันก่อน การนำส่งงบการเงินของบริษัทต่าง ๆ ที่เริ่มมากขึ้นตั้งแต่วันก่อน จะมีผลต่อราคาหุ้นตัวนั้น ๆ ด้วย เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ มีการทำ preview น้อยลงในไตรมาสนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนมองว่าดัชนีฯน่าจะมีการรีบาวด์ แต่การลงทุนยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะตัวแปรสำคัญที่สุด คือ นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ ยังไม่สะท้อนมาในตลาดทั้งหมด ทิศทางตลาด จึงคาดว่าจะยัง Sideway ในกรอบ 1,566-1,600 จุด ไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ ยังให้ความสนใจกับหุ้นที่เป็น Domestic Play อาทิ กลุ่มธนาคาร ที่อยู่อาศัย หรือหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น TISCO , PLAT , GOLD , VIH


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ