(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้คาดรีบาวด์หลังคลายกังวลง AOT-ดอลลาร์ชะลอแข็งค่า-ลุ้นปันผล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 16, 2017 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยืนได้ถึงรีบาวด์ขึ้น เนื่องจากคลายความกังวลเรื่องของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หลังจากที่บริษัทฯได้ชี้แจงว่าจะยังใช้โครงสร้างค่าเช่าเดิมกับกรมธนารักษ์ อาจทำให้ราคาหุ้น AOT ดีดกลับขึ้นไปได้หลังจากร่วงแรงเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯชะลอการแข็งค่า ทำให้ลดความผันผวนลงไป ขณะที่ช่วงนี้ก็เป็นช่วงของการประกาศจ่ายปันผลน่าจะช่วยให้เกิดแรงซื้อได้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นติดลบ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มอ่อนค่าลง ขณะที่เงินเยนแข็งค่า อย่างไรก็ดี ยังคงติดตามรอดูความชัดเจนแผนลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,611.86 จุด พุ่งขึ้น 107.45 จุด (+0.52%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,819.44 จุด เพิ่มขึ้น 36.87 จุด (+0.64%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,349.25 จุด เพิ่มขึ้น 11.67 จุด (+0.50%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 6.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 144.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 27.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.18 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.พ.60) 1,573.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด (+0.07%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,538.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.พ.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.พ.60) ปิดที่ 53.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.พ.60) ที่ 7.36 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.01 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวาน
  • ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เห็นสัญญาณธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าดูแลค่าเงินบาทในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากทุนสำรองใหมระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 7 หมื่นล้านบาท หลังจากเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หาก ธปท.ไม่ดูแลค่าเงินบาทอาจแข็งค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และจะกระทบกับความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกและนำเข้า
  • รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสัญญาเช่าที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ทำธุรกิจโรงไฟฟ้ากังหันลม (วินด์ฟาร์ม) ของเอกชน 17 ราย ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยให้ตรวจสอบให้ครบทุกประเด็นทั้งเรื่องสัญญาเช่า การใช้ประโยชน์ที่ดิน การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบสัญญาของเอกชนกับ ส.ป.ก. และตรวจสอบเกษตรกรว่าได้รับประโยชน์จริงหรือไม่ จากนั้นจะต้องได้ข้อยุติว่าจะเดินหน้าอย่างไร เพราะหากจะบอกเลิกก็ต้องทำให้ถูกต้องเพื่อป้องกันความเสียหายของภาครัฐจากการถูกฟ้องกลับ
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงที่ผ่านมา 2 ครั้ง ส่งผลให้มีการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดโลก และมีผลให้ทิศทางดอกเบี้ยในตลาดโลกปีนี้น่าจะขยับสูงขึ้นมากกว่า 1-2 ปีที่ผ่านมา

*หุ้นเด่นวันนี้

  • MEGA (กสิกรไทย) เป็นหนึ่งในหุ้น Top picks จากคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิแข็งแกร่งถึง 18% ในปี 59-61 และมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจซื้อขายที่ PER เพียง 20.8 เท่าในปี 60 หรือคิดเป็น 0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐจะเป็นประโยชน์ต่อ MEGA เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกซึ่งรับเงินในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก
  • SNC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท ผ่านปีที่ยากลำบากไปแล้ว จากค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงงานไปอยู่ที่เดียวกันที่ระยอง กำไรปี 59 -2% Y-Y แต่จะกลับมาฟื้นแข็งแกร่งในปีนี้ คาดกำไร +19% Y-Y จากการผลิตที่กลับสู่ภาวะปกติ และธุรกิจผลิต Aluminum Condenser ของบริษัทลูกเริ่มฟื้นเพราะลูกค้าหันมาใช้อลูมิเนียมเพิ่มขึ้นหลังราคาทองแดงปรับขึ้นเร็ว ปัจจุบันมี PE 9.5 เท่า หรือ PEG เพียง 0.5 เท่า
  • TOP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 89 บาท ผลงาน 4Q/59 กำไรสุทธิ 5,802 ล้านบาท จากส่วนต่างการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น และยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงในช่วง 1Q/60 โดยเฉพาะค่าการกลั่นของน้ำมันเบนซินและดีเซล ประกอบกับมีผลกำไรจากสต็อกน้ำมัน 3,753 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี น้ำมันหล่อลื่นและยางมะตอย ผลงานอ่อนตัวลง พร้อมคาดปี 60 ยังคงโดดเด่น ขณะที่จะมีกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP และโครงการ LAB เข้ามาเสริม คาดผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.1%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ