นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH) กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ยุติโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนั้น ไม่ได้มีผลต่อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 2 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 3 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) ใน จ.นครราชสีมา ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่โครงการละ 20% หรือโครงการละ 20.70 เมกะวัตต์ แต่อย่างใด ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวดำเนินการมากว่า 4 ปีแล้ว เพียงแต่โครงการเทพสถิตฯ จะเป็นต้นแบบของการตรวจสอบข้อปฏิบัติของโครงการอื่นๆ ที่กำลังเตรียมการต่อไป
ส่วนกรณีที่ ส.ป.ก.อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละโครงการว่า ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร คงต้องรอให้รัฐดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดตามกำหนด 45 วันให้เสร็จก่อน แต่หากภาครัฐตัดสินใจไม่ให้ใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ทาง RATCH อาจต้องขออุทธรณ์ต่อศาล เนื่องจากที่ผ่านมา RATCH ทำถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง
พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทปฏิบัติตามขั้นตอนระเบียบของรัฐอย่างถูกต้อง มีการจ่ายค่าเช่าที่ดิน ส.ป.ก.อย่างถูกต้อง 35,000 บาทต่อปี ขณะเดียวกันมีการให้ค่าทดแทน รวมทั้งมีงบพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง และจ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อให้ชาวบ้านนำมาใช้พัฒนาชุมชนด้วย จึงไม่เคยมีปัญหาข้อร้องเรียนกับชาวบ้านในพื้นที่มาก่อน
นายรัมย์ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ที่เกิดความเห็นแตกต่างกันของชาวบ้านนั้น ส่วนตัวมองว่าประเทศไทยควรกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันพึ่งพาก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าถึงเกือบ 70% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า เพราะแนวโน้มก๊าซฯจะเหลือน้อยลง ดังนั้นประเทศไทยควรต้องจัดการความเสี่ยงเชื้อเพลิงในอนาคตตั้งแต่วันนี้