นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า ทิศทางดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทได้ปรับโมเดลการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบริษัทเครือข่ายมากมายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างครบวงจรตามกระแสการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นที่กำลังมาแรง โดยบริษัทมีความพร้อมที่จะเป็นผู้สร้างระบบ Private Cloud และนำข้อมูลในระบบคลาวด์ที่มีอยู่มากมาย (Big Data) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางด้านการบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หรือที่เรียกว่า Data Virsualization
นอกจากนี้ AIT ยังให้บริการสร้างระบบป้องกันความปลอดภัยในข้อมูล (Security) ที่มีอยู่ในคลาวด์ทั้งระบบ ตลอดจนขยายธุระกิจสู่ Software โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายของ SAP และธุรกิจด้าน IOT หรือ Internet of things ที่จะรองรับการเชื่อมโยงสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจให้แก่ลูกค้าที่ต้องการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้ดีขึ้น และส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ AIT ใน ระยะยาว ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยึดนโยบายการจ่ายเงิน ปันผลปีละ 2 ครั้งในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นแม้ผลการดำเนินงานในรอบปี 59 ของ AIT ชะลอตัวลงหลังจากหน่วยงานภาครัฐได้เลื่อนการประมูลงาน โครงการขนาดใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีที่ผ่านมาลดลง โดยทำรายได้รวม 4,419.59 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 453.51 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถการแข่งขันในการเข้าร่วมประมูลงานวางระบบสารสนเทศและการสื่อสาร (SI) ที่ดี โดยยังคงสามารถส่งมอบงานวางระบบให้แก่ลูกค้าได้ตามแผนงานที่วางไว้และบริหารจัดการด้านต้นทุนดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรม SI ที่ชะลอตัวลงไป
“เรามองว่าผลการดำเนินงานในปี 59 ที่ชะลอตัวลง ไม่ได้เกิดจากขีดความสามารถการแข่งขันของ AIT ลดลง แต่มาจากงานประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐได้เลื่อนการประมูลงานออกไป จึงส่งผลต่อแผนดำเนินงานที่ชะลอตัวลง"นายศิริพงษ์ กล่าว