นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคลล บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเลือกหุ้นในปีนี้มองว่าจะต้องมีความพิถีพิถันอย่างมาก เพราะปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาใกล้แตะระดับ 1,600 จุด ซึ่งทาง บล.บัวหลวงได้คาดการณ์ดัชนี SET ในช่วงสิ้นปีนี้ที่ 1,670 จุด จึงเหลือช่องว่างใกล้กับระดับดัชนีที่คาดการณ์ไว้อีกเพียง 70 จุดเท่านั้น
ในมุมมองในสถานการณ์ดังกล่าว สิ่งที่แนะนำให้นักลงทุนในการเลือกหุ้น แนะนำหุ้นขนาดกลางที่มีแนวโน้มไนการขยายตัวได้ดี เนื่องจากมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และนักลงทุนสามารถจับจังหวะหาโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เพราะหุ้นขนาดใหญ่แม้ว่าแนวโน้มธุรกิจจะยังมีกำไร แต่ราคาหุ้นน่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปได้เพียงเล็กน้อย
"จะเห็นว่าธีมการเลือกหุ้นในปีนี้ได้เปลี่ยนไปจากปีก่อนที่เน้นธีม Growth Stock ซึ่งนักลงทุนไปหวังผลรอกำไรไนอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเป็นช่วงขาขึ้น ทำให้นักลงทุนใส่เงินเข้ามาในหุ้น Growth Stock เยอะ ทำให้ราคหุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นจะ sideway และกำไรของบริษัทในกลุ่มนี้มีการขยายตัวแบบถดถอยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เรามองว่าหุ้นขนาดกลางเป็นหุ้นที่น่าสนใจในปีนี้ เพราะราคาหุ้นไม่แพงมาก ธุรกิจมีการขยายตัวที่ดี และนักลงทุนสามารถจับจังหวะการทำไรได้"นายชัยพร กล่าว
ขณะทีอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 60 บล.บัวหลวง คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 6% แต่หากไม่รวมกำไรและขาดทุนพิเศษคาดว่าจะเติบโตได้ 11% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวได้ดี และเติบโตได้มากกว่าเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้เพียง 3-4%
คำแนะนำในการเลือกหุ้นนั้นหากเป็นหุ้นที่บริษัทมีกำไรเติบโต 20-25% และมี P/E อยู่ที่ 20-25 เท่า ถือว่าเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจที่จะเลือกซื้อ แต่ถ้าเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโต 20% ต่อปี แต่มีระดับ P/E สูงถึง 50-60 เท่า มองว่าไม่น่าลงทุน เพราะหากราคาหุ้นลง จะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนกลับมา
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนในปี 60 แนะนำกลุ่มอาหาร เพราะแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และภาวะภัยแล้งเริ่มคลี่คลายออกไป ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรออกมามากขึ้นและมีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ในกลุ่มของอุตสาหกรรมน้ำตาลเป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่น หากราคาน้ำมันมีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้บริษัทที่มีการลงทุนการผลิตเอทานอลกลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขายเอทานอลในภาพรวม ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ ที่มีการใช้บริการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มที่มีการให้ผลตอบแทนที่ดี
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องระวังที่จะส่งผลกระทบให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงได้ในบางช่วงของในปีนี้ มองว่าเป็นปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และการเลือกตั้งของ 3 ประเทศในยุโรป ได้แก่ ฝรังเศส เนเธอร์แลนด์ และเยอรมัน จะมีผลต่อการตัดสินใจไนการลงทุน ส่วนปัจจัยในประเทศนั้นมองว่าไม่ความกังวล และภาพรวมยังคงนิ่งอยู่ ซึ่งไม่กระทบต่อการลงทุน