หุ้น IVL ราคาลดลง 0.68% มาอยู่ที่ 36.75 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 418.59 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.19 น. โดยเปิดตลาดที่ 37 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 37.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 36.75 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ"TRADING BUY" หุ้น บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท โดยยังมองว่ามีประเด็นบวกจากการปรับภาษีนิติบุคคลของสหรัฐลดลงจาก 35% เหลือ 15% จะทำให้ภาษีจ่ายลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้น แต่มี upside gain เหลืออยู่ราว 8%
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ที่ออกมามีกำไรสุทธิ 2.9 พันล้านบาท ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 879% จากงวดปีก่อน โดยกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% จากงวดปีก่อน ผลักดันจากปริมาณผลิตเพิ่มขึ้น 27% จากการเข้าซื้อ 2 กิจการในสหรัฐและเสปนแล้วเสร็จใน เม.ย.59 อัตราใช้กำลังผลิตเฉลี่ยทั้งกลุ่มอยู่ที่ 86% จากในไตรมาส 4/58 ที่อยู่ระดับ 82%
อัตรากำไร (margin) ดีขึ้น โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย สำหรับธุรกิจหลัก (Core EBITDA)อยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในไตรมาส 4/59 จาก 79 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/58 เป็นผลจากความแข็งแกร่งของ PTA ในเอเชีย และ West feedstock รวมทั้งการควบรวมวัตถุดิบในแนวตั้งที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับธุรกิจ HVA ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 253 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรจากสต็อก 172 ล้านบาท และอื่น ๆ 174 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 4/59 อยู่ในเกณฑ์ที่สูง
ส่วนกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 1.62 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า ตามปริมาณผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 8.73 ล้านตัน , Core EBITDA 89 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในปี 59 จากระดับ 91 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 58 และมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 543 ล้านบาท ,กำไรจากสต็อก 205 ล้านบาท และกำไรจากการต่อรองราคาซื้อกิจการราว 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ยังมองแนวโน้มในปี 60 คาดว่าจะมีกำไรหลักเพิ่มเป็น 9.9 พันล้านบาท เติบโตเพียง 4% จากปีที่แล้วที่มีฐานที่สูงตามปริมาณผลิตและการขายที่เพิ่มขึ้น หนุนจากรับรู้การผลิตจากการซื้อโรงงาน Alpha PET 2 ในสหรัฐและ Cepsa ในเสปน เต็มปีเป็นปีแรกในปี 60 ส่วนสเปรดคาดทรงตัวจากปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนผลิตลดลง บวกกับปริมาณผลิต HVA (High value added product) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้มาร์จิ้นยังทรงตัวอยู่สูง