บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 18,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 12,614 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมประมาณการไว้ที่ 22,050 ล้านบาท เป็นรายได้ของ PF 14,500 ล้านบาท และรายได้ของบมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) ในส่วนคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท จากการขายที่ดิน 2,000 ล้านบาท และธุรกิจให้เช่า 150 ล้านบาท
ในส่วนของ PF ปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,190 ล้านบาท เป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่า 14,252 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 7,938 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับกลางถึงสูง พร้อมทั้งมีแผนนำแลนด์แบงก์ใหญ่ 2 ทำเล ได้แก่ แจ้งวัฒนะ และกรุงเทพกรีฑา มาพัฒนาโครงการ
PF มีแผนเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (PREP) ชุดแรกวงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท คาดอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี ส่วนตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ที่มียอดคงเหลือ 2 พันล้านบาทนั้นบริษัทเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการชำระคืนเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในส่วนของพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจหลัก
ส่วน GRAND มีแผนเพิ่มรายได้ด้วยคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในเขตซีบีดี และวิลล่าเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ รวมถึงการสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง ปีนี้ GRAND จะมียอดโอนจากโครงการเดอะไฮด์ สุขุมวิท 11 ในไตรมาส 4 จาก backlog จำนวน 2,100 ล้านบาท และมีแผนจัดตั้งกอง REIT โรงแรมเชอราตันหัวหิน และยังจะเปิดโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ ปลายปีด้วย วางงบลงทุน 2 ปีนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท และมีแผนออกหุ้นกู้ระยะยาวอายุไม่เกิน 5 ปีเพื่อสนับสนุนแผนลงทุน
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PF เปิดเผยว่า เป้าหมายยอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจากแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 16 โครงการ แบ่งการเปิดตัวในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังช่วงละ 8 โครงการ ซึ่งจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับรายได้ปานกลางและสูง โดยมีราคาขายระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป
ส่วนรายได้รวมในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 14,661 ล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากการที่บริษัทจะขายที่ดินในมือออกไปบางส่วน โดยเป็นที่ดินที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นราว 35% ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัท โดยวางแผนขายที่ดิน 3 แปลง ได้แก่ ที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ ที่ดินย่านลาดพร้าว ที่ใกล้รถไฟสายสีแดง อีกทั้งในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถขายหอพักนักศึกษา Uniloft เชียงใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท ให้กับนักลงทุนเอกชนได้ หลังมีการเจรจามาระยะหนึ่งแล้ว
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศ เพื่อเข้ามาซื้อหุ้นของโครงการดารา ฮาเบอร์ ศรีราชา ของบริษัทที่ถืออยู่ 65% ซึ่งบริษัทจะขายหุ้นดังกล่าวออกไปทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ดังกล่าว โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ มีมูลค่าการขายหุ้นราว 130 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในโครงการอื่น ๆ ต่อไป
บริษัทยังมีแผนการลงทุนโครงการเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกในประเทศ 4 ทำเล ที่ได้ศึกษาอยู่ โดยจะร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นแบบรายโครงการ ซึ่งเป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ยังไม่เคยมาร่วมทุนกับผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทได้เจรจากับพันธมิตรญี่ปุ่น 2 ราย ส่วนจะเลือกร่วมทุนกับทั้ง 2 รายหรือเลือกเพียงรายเดียวก็จะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนแผนขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ที่เหลืออีก 300 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 1,000 ล้านหุ้นนั้น ปัจจุบันได้เจรจากับนักลงทุนรายใหญ่ที่สนใจเพื่อซื้อหุ้น PP ดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ส่วนการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (PREP) ที่บริษัทได้ขอวงเงินไว้ที่ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าปีนี้จะมีการออกแสนอเขายราว 2 พันล้านบาท โดยชุดแรกคาดว่าจะออกขายในช่วงเดือน มี.ค.นี้ มูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดิน พร้อมตั้งเป้าภายในปี 63 จะมีรายได้แตะ 30,000 ล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นรายได้จากสัดส่วน PF ที่ 70% และรายได้จาก GRAND สัดส่วน 30% พร้อมกับมีการเพิ่มจำนวนห้องของโรงแรมเป็น 3,000 ห้อง จากปัจจุบันมีอยู่ราว 1,000 ห้อง รวมถึงจะเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำให้เพิ่มขึ้นถึง 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ GRAND กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนภายใน 2 ปี (ปี 60-61) อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยมีแผนการออกหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อนำมาใช้พัฒนาโครงการในอนาคต โดยในปีนี้เตรียมเปิดโครงการมิกซ์ยูส รีสอร์ท-คอนโดมิเนียม และพูลวิลล่า จ.ระยอง มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท และอยู่ระหว่างพิจารณานำทำเลในย่านสุขุมวิทมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม
ในปี 60 GRAND คาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ที่ 2,100 ล้านบาท จากการโอนโครงการ เดอะไฮด์ สุขุมวิท 11 ในช่วงไตรมาส 4/60 โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ 60% และธุรกิจโรงแรม 40% นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โรงแรมเชอราตัน หัวหิน มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการอนุมัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะมีการพิจารณานำโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วขายเข้ากองรีทตามความเหมาะสมด้วย สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสเป็นรีสอร์ท ผสมคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่า บริเวณหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง พื้นที่ 90 ไร่ มูลค่า 4,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยทำเป็นเฟส นอกจากนี้อยู่ระหว่างการการหาที่ดินเพื่อสร้างคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในย่านสุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจ 2-3 แปลง คาดว่าจะเปิดโครงการได้ภายในปีนี้