(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว ทางเทคนิคมีโมเมนตัมเป็น Negative,ติดตามรายงานผลประชุมเฟดคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 22, 2017 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงเป็นลักษณะของการแกว่งตัว โดยให้จับตาดัชนีฯจะรีบาวด์ได้หรือไม่หลังจากที่เมื่อวานนี้ดัชนีฯปรับตัวลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ถ้าดัชนีฯรีบาวด์ไม่ได้ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อได้ โดยมีแนวรับ 1,558-1,546 จุด แต่ถ้ารีบาวด์ได้ก็มีแนวต้าน 1,573 จุด เนื่องจากในทางเทคนิคมีโมเมนตัมเป็น Negative ซึ่งจะต้องระวัง

สำหรับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็จะช่วยหนุนตลาดฯได้บ้างในบางบริษัท แต่ก็มีบางบริษัทที่รับรู้ไปแล้วทำให้หลังประกาศงบฯแล้วก็อาจมี Sell on fact

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก มีบางตลาดที่ติดลบเล็กน้อย ซึ่งต่างก็รอดูรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายงานดังกล่าวในคืนวันนี้ โดยดูว่าจะมีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ถ้ามีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fund Flow ก็จะยังไม่ไหลเข้าต่อไป ซึ่งก็จะมองเป็น profit taking มากกว่า ส่วนหุ้นเด่นก็จะเป็นพวกที่มีปันผลพิเศษ รวมถึงมี outlook ดี ๆ

"Emerging Market ตอนนี้ Slow เพราะ Fund Flow ไม่เข้า แล้วก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาด้วย...ทุกคนต่างก็ไปซื้อหุ้นที่สหรัฐฯกันหมด"นายถนอมศักดิ์ กล่าว
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,743.00 จุด พุ่งขึ้น 118.95 จุด (+0.58%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,865.95 จุด เพิ่มขึ้น 27.37 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,365.38 จุด เพิ่มขึ้น 14.22 จุด (+0.60%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 37.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 95.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.14 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.พ.60) 1,564.42 จุด ลดลง 14.05 จุด (-0.89%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 653.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.พ.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ก.พ.60) ปิดที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.พ.60) ที่ 6.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.01 แข็งค่าสวนทางภูมิภาครับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 34.95-35.05
  • นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการชะลอการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ไว้ แต่หลังจากนี้ไม่ต้องชะลอ ให้ไปจัดทำอีไอเอและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ใหม่อีกครั้ง
  • อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้บริหาร บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) เมื่อ 21 ก.พ. ว่า มีข้อสรุปว่าจะแบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินในสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ที่ใช้ในกิจการการบิน ให้ใช้อัตราค่าเช่า แบบส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) ในอัตรา 5% ซึ่งการคิดวิธีนี้และในอัตราค่าเช่าดังกล่าว เป็นวิธีการและอัตราที่ ทอท.ได้จ่ายค่าเช่าที่ดินให้แก่กรมธนารักษ์ในปัจจุบัน ซึ่งการคิดค่าเช่าในส่วนของกิจการการบินในวิธีและอัตราดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้สนามบิน ที่อาจต้องจ่ายค่าใช้สนามบินสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายของสายการบินที่บินมาลงที่สุวรรณภูมิ ที่ดินประเภทที่ 2 คือ ที่ดินที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ จะใช้วิธีการคิดค่าเช่าแบบผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ซึ่งมีอัตราระหว่าง 3-5% แต่กรมธนารักษ์จะคิดในอัตรา 3% เท่านั้น ซึ่งการคิดอัตราค่าเช่าดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ ทอท.มากนัก
  • ครม.ไฟเขียวโครงการสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท หนึ่งในแพ็กเกจใหญ่แก้หนี้นอกระบบ ช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ลดภาระกู้หนี้ดอกเบี้ยสูง ยกระดับคุณภาพชีวิตคนจนประมาณ 2 แสนคน ด้าน ธปท.รุกให้ความรู้กลุ่มเจนวายส่งเสริมการออม
  • คลังเตรียมเปิดตัวพิโค ไฟแนนซ์ 12 ราย วันที่ 27 ก.พ.นี้ เผยมีคนยื่นขอใบอนุญาตถึง 82 ราย หวังกระจายให้มีทุกจังหวัดเพื่อเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
  • ขณะนี้ ตลท. ได้หารือกับกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กว่า 600 ราย ที่มีหนี้ระยะสั้นทั้งการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (บีอี), และระดมทุนผ่านช่องทางอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบถึงแนวทางการบริหารจัดการรวมถึงระบบการป้องกันความเสี่ยงด้านการเงิน และความพร้อมในการชำระหนี้หลังจากต้นปีที่ผ่านมามีกระแสการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ของ บจ.ในบางแห่ง จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทที่อยู่ในตลาดฯ เบื้องต้นบจ.ส่วนใหญ่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาการชำระหนี้ เนื่องจากสามารถควบคุมการบริหารการเงินได้และมีผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับที่ดี

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 14 บาท ปรับกำไรสุทธิปี 2560-2564 ขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี ตามจำนวนวงจรเช่าโครงข่าย Fiber Optic ที่ขยายตัวรวดเร็ว (วงจรเช่าสิ้นปี 2559 +133% Y-Y) และงานรับเหมาติดตั้งโครงข่ายที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด และยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นได้ กำไรที่ปรับเพิ่มทำให้โตเฉลี่ย 48% ต่อปี ราคาหุ้นปัจจุบันที่มี PE 38 เท่า คิดเป็น PEG 0.8 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.5 เท่า สำหรับกำไรสุทธิ Q4/59 คาด +26% Y-Y
  • TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท ผ่านกำไรต่ำสุดแล้วใน 4Q59 ซึ่ง -20% Q-Q, -8% Y-Y จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการซื้อกิจการ Red Lobster แต่จะกลับมาเติบโตในปี 2560 แม้จะปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 9% ให้สอดคล้องกับเป้ายอดขายของผู้บริหารที่ปรับลง 7% แต่กำไรยังเติบโต 23% Y-Y จากการฟื้นตัวของธุรกิจปลาทูน่าและปลาแซลมอน และ Red Lobster ที่จะพลิกเป็นกำไรได้
  • PTTGC (ไอร่า) เป้า 82 บาท ประกาศผลการดำเนินงานปี 59 มีกำไรสุทธิ 25,602 ล้านบาท ขณะที่ 4Q/59 มีกำไรสุทธิ สูงถึง 9,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% qoq และ 108% yoy จากผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมีในสายโอเลฟินส์ที่ฟื้นตัวขึ้น qoq หลังโรงงานโอเลฟินส์ปิดซ่อมบำรุง เมื่อ 2Q/59 กลับมาผลิตตามปกติตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.59 และผลิตได้เต็มที่ในช่วง 4Q/59 จาก 92% เมื่อ 3Q/59 รวมถึงมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น ล่าสุด (20/2/60) ประกาศจ่ายปันผล 1.80 บาท XD : 2/3/60 และจ่ายในวันที่ 25/4/60 พร้อมคาดปี 60 จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง คาด HDPE สามารถยืนได้ที่ระดับ 1,100-1,200 USD/ton และได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการปิโตรเคมีที่เป็นบริษัทลูกของ PTT คาดทำให้เกิด Synergy กับธุรกิจเดิมของ PTTGC ที่มีอยู่แล้ว และเพื่อรองรับการเป็น flagship ทางด้านปิโตรเคมีในกลุ่ม PTT
  • BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรปี 2560 เติบโตแข็งแกร่ง จากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นจนพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร อีกทั้งราคาถ่านหินทุก 5 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จะเพิ่มกำไร 1.5 พันล้านบาท อีกทั้งผลการดำเนินงานปัจจุบันผันผวนน้อยลงจากการมีธุรกิจไฟฟ้า (BPP) และได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนจาก MSCI

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ