นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) กล่าวว่า ปีนี้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะกลับมาฟื้นตัว โดยบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 10-15% จากปีก่อน เน้นการเติบโตยอดขายสาขาเดิมที่จะเติบโตได้ในระดับ 10-15% และยังคงให้ความสำคัญกับอัตรากำไรอย่างเข้มงวด
สำหรับปีนี้วางแผนขยายสาขาอีก 6-9 สาขา จากสิ้นปี 59 ที่มีจำนวน 122 สาขา แบ่งเป็น การเปิดสาขาภายใต้แบรนด์ JUBILEE DIAMOND อีก 3-5 สาขา และจะเปิดสาขาภายใต้แบรนด์ FOREVERMARK อีก 3-4 สาขา จากปัจจุบันมี 3 สาขา ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม และบลูพอร์ตหัวหิน รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ คอลเลคชั่น ใหม่ๆ และการจัดรายการส่งเสริมการขายที่ได้ประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายทางการตลาดไว้ที่ 5-7% ของรายได้รวม
ส่วนทิศทางของตลาดเพชรในระดับโลกยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากความนิยมในการซื้อเพชรเพื่อทั้งใส่เป็นเครื่องประดับ การซื้อเพชรเป็นของขวัญ รวมไปถึงนักลงทุนได้ให้ความสนใจในการลงทุนเพชรเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเติบโตในระยะยาว
สำหรับผลประกอบการปี 59 บริษัทมีรายได้รวม 1,380 ล้านบาท และกำไรสุทธิทำได้ 157.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.90 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.75 บาท โดยบริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงเกิน 40% โดยไตรมาส 4 อยู่ที่ 43.7% ส่งผลให้ทั้งปีบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 44.1% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 11.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.8%
ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งทางด้านต้นทุนการผลิต สินค้าคงเหลือ การวางแผนทางด้านวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตร่วมกับพันธมิตรใหญ่จากต่างประเทศ การควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนงานบริหาร การจัดการและการขาย ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า การตลาดออนไลน์ ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ได้ประสิทธิผล หนุนให้ผลประกอบการบริษัทดีขึ้นอย่างมาก
"ผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จด้านผลกำไรที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างมากถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่กระทบต่ออารมณ์ต่อการการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทวางแผนการบริหารจัดการวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ทั้งระบบการสต็อกสินค้า ระบบการขาย ระบบการจัดการ ระบบการเก็บข้อมูล ทำให้ปัจจุบันการบริหารจัดการภายในของบริษัทแข็งแกร่ง และพร้อมรองรับการเติบโตเมื่อสภาวะเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง"