บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทที่ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้ งการเติบโตจากธุรกิจภายใน (Organic Growth) ซึ่งการเน้นการขยายกำลังการผลิตไก่เนื้อที่ได้มาตรฐานทั้งระบบการผลิต ในปี 60-62 กลุ่มบริษัทมีแผนการขยายฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้ออีกปีละ 20,000 –25,000 ตัวต่อวันต่อปี โดยคาดว่าน่าจะใช้งบลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ GFPT มองว่าในปี 60 สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะสามารถขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศขยายตัวได้ สำหรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยยังคงสดใส จากการส่งออกเนื้อไก่สดและผลิตภัณฑไก่แปรรูปรุงสุกที่มีมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ประเทศไทยจะสามารถส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น มีปริมาณรวม 750,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 96,000 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มความต้องการเนื้อไก่ในตลาดโลกยังมีอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของไทยได้รับความเชื่อถือในเรื่องคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล และความปลอดภัยด้านอาหาร เนื่องจากผู้ผลิตให้ความเข้มงวดในการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงไก่และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ที่มีมาตรฐานระดับโลกรวมถึงความเข้มงวดในการตรวจสอบของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงทำให้สินค้าเนื้อไก่สดแช่แข็งและผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุกของไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งในปี 59 ประเทศไทยสามารถเปิดตลาดไก่เพิ่มขึ้นอีก 2 ประเทศคือ เกาหลีและสิงคโปร์
GFPT ยังเปิดเผยผลประกอบการประจำปี 59 มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,644 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่1.31 บาท เพิ่มขึ้น 37.56% จากปริมาณการส่งออกสินค้าไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายรวม 16,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.38% เมื่อเทียบกับปี 58
สาเหตุหลักจากรายได้ของธุรกิจเนื้อไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้จากธุรกิจเนื้อไก่แปรรูปคิดเป็น 43.19% ธุรกิจอาหารสัตว์คิดเป็น 23.41% ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์คิดเป็น 28.03% และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป คิดเป็น 5.37% ซึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ 23.16% และ ตลาดในประเทศ 76.84%
กลุ่มบริษัทมีกำไรขั้นต้นในปี 59 จำนวน 2,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 499 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 24.88% จากปี 58 จากปริมาณการส่งออกของสินค้าไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้นและราคาวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 59 คิดเป็น 14.99% เพิ่มขึ้นจาก 12.17% ในปี 58
ขณะที่กำไรก่อนหักค่าเสื่อม ดอกเบี้ย ภาษี และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 710 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.76% เมื่อเทียบกับปี 58 จากการที่กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ EBITDA Margin ในปี 59 อยู่ที่ 18.55% เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่ 14.49%