บมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 5,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 216% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาโลหะสังกะสีในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากราคาเฉลี่ยที่ 1,933 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2,091 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในปี 2559 ประกอบกับปริมาณการขายโลหะสังกะสีที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าอยู่ที่ 35.47 บาท เปรียบเทียบกับ 34.40 บาท ในปี 2558 ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2559 ในอัตรา 1 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 226 ล้านบาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิของบริษัท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลวันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2560 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2560
สำหรับ ในปี 2560 ธุรกิจสังกะสียังเป็นรายได้หลักของบริษัท และเตรียมรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ด้านพลังงานทดแทนเข้ามาเสริม จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ญี่ปุ่น ขนาด 2.27 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2559 และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาดที่จังหวัดตาก ขนาดกำลังการผลิต 5.25 เมกะวัตต์ ที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการในช่วงปลายปี 2559 และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งที่สองขนาด 10.53 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าตามแผน
ด้านบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยร่วมทุนกับบริษัท โดวา อีโค ซิสเต็ม จำกัด อยู่ในขั้นตอนดำเนินการขอใบอนุญาตเพื่อดำเนินโครงการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรในพื้นที่ โรงถลุงแร่ของบริษัทในจังหวัดตาก ซึ่งโครงการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 บริษัท โดวา อีโค ซิสเต็ม จำกัด ได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 49 ในบริษัท พีดีไอตาก อีโค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจัดการกากอุตสาหกรรมขนาด 50,000 ตันต่อปี จากพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทย
สำหรับโครงการพีดีไอ แมททีเรียล ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจรีไซเคิลวัสดุในจังหวัดระยอง โดยโครงการได้รับการสนับสนุนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมตามที่ได้ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 โครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการออกแบบโรงงานในภาพรวมและงานวิศวกรรมเบื้องต้น คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2560 จากนั้นจึงเริ่มงานก่อสร้างและคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2562