นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซี.พี.แอล.กรุ๊พ (CPL) เปิดเผยว่า ในปี 60 คาดว่ารายได้รวมน่าจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 25-30% จากปีก่อน พร้อมกับการที่จะมีทั้งตลาดสินค้าอุปโภคทั้งในประเทศ และตลาดอาเซียน ซึ่งในส่วนของแพงโกลินยังสามารถเติบโตได้อีกมาก รวมถึงมีสินค้าที่หลากหลายขึ้นด้วย
สินค้าที่ CPL มองว่า จะเป็นจุดเด่นในการทำตลาดในอนาคต จะเน้นไปที่หมวกนิรภัย รองเท้า และอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ซึ่งตลาดกลุ่มนี้ได้แก่ โรงงาน งานโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโรงพยาบาลและโรงแรม ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตและมีความต้องการอีกมาก
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ CPL ในปีนี้ มาจากการที่บริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการลงทุนใหม่ โดยเพิ่มส่วนงานบริการ ได้แก่ การจัดหาและจัดส่งวัตถุดิบ ทั้งหนังดิบและหนังกึ่งสำเร็จรูปออกสู่ตลาดเอเชียมากขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท แพงโกลิน เซฟตี้ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งจะทำให้ CPL เดินหน้าเข้าสู่ตลาดสินค้าอุปโภค และเมื่อขั้นตอนการรับโอนกิจการเสร็จสิ้นลง ก็จะทำให้ CPL มีฐานการตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนสาขาเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์แพงโกลินมากกว่า 25 สาขาทั่วประเทศ และจะทำให้ CPL เข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตรองเท้าที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าแบรนด์ต่างๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ การรับโอนกิจการของแพงโกลิน ยังทำให้ CPL สามารถปรับสัดส่วนการส่งออกจากเดิม 90% ลดลงเหลือ 75% โดยจะเพิ่มการทำตลาดในประเทศจาก 10% เป็น 25% ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ลดความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกได้อีกทางหนึ่ง คาดว่าการรับโอนกิจการทั้งหมดของแพงโกลินจะเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนั้น CPL ก็จะรับรู้ทั้งยอดขายและกำไรของแพงโกลินเข้ามาอยู่ในงบการเงินของ CPL
ส่วนผลประกอบการในปี 59 บริษัทมีรายได้รวม 1,769 ล้านบาท โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 56 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าจากคู่ค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ชั้นนำของโลกลดลง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากขาดทุนจากการขายสินค้ากึ่งสำเร็จรูปประเภทหนังท้องและการตั้งด้อยค่าของสินค้าคงเหลือเพิ่มเติมในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงการด้อยค่าดังกล่าว จะทำให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อเหตุการณ์ขาดทุนจากการขายสินค้าประเภทนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
“ต้องยอมรับว่าตัวเลขทั้งปี 59 เราทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ไม่ใช่ภาวะที่น่าเป็นห่วงหรือต้องกังวลมากเกินไป เพราะเป็นปัจจัยที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราได้เดินหน้าปรับปรุงทั้งกระบวนการผลิต การบริหารจัดการสินค้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วย ทำให้เรามั่นใจว่าในปี 60 บริษัทจะกลับมาทำผลงานได้เป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเผชิญกับความผันผวน และคำสั่งซื้ออาจจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติก็ตาม" นายสุวัชชัย กล่าว