นายภาสิต ลี้สกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทมีแผนงานที่จะเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดย TRC ได้ร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติจากประเทศอิตาลีและประเทศจีนในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าในการยื่นประมูลงานโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติราชบุรี-วังน้อย 6 (RA#6) ไปยังจังหวัดราชบุรีของบมจ. ปตท. (PTT) ระยะทาง 119 กม. มูลค่างานประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะยื่นประมูลราคางานภายในเดือนมี.ค.นี้
และบริษัท สหการวิศวกร จำกัด มีแผนงานจะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการยื่นประมูลงานรถไฟทางคู่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
นอกจากนั้น กิจการร่วมค้าดังกล่าวยังจะเข้าประมูลโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 ในส่วนระยะที่ 1 พื้นที่พาดผ่าน 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มูลค่างานประมาณ 12,000 ล้านบาท ที่ได้เปิดให้ยื่นประมูลในเดือน เม.ย.นี้ รวมถึงจะเข้าประมูลในงานท่อก๊าซเส้นที่ 5 ในระยะต่อ ๆ ไป ที่คาดว่าจะทยอยเปิดประมูลในปีนี้
นอกจากนี้ คาดว่าภายในปีนี้บริษัทฯ จะสามารถลงนามในสัญญาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ คืองานรับเหมาก่อสร้างโครงการเหมืองแร่โปแตช ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ ในส่วนงาน 2 Surface Processing and Facilities จาก บมจ.อาเซียนโปแตชชัยภูมิ มูลค่างานประมาณ 32,371 ล้านบาท จากที่ก่อนนี้บริษัทฯ ได้รับ Letter of Award ในเดือน ก.พ.59 และในเดือน พ.ค.59 ได้มีการทำสัญญา Notice to Proceed งาน Early Works ในส่วนงาน Engineering และ Site Survey & Preparation มูลค่างาน 711.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากรวม Backlog ณ สิ้นปีก่อน กับงานใหม่ที่ได้รับแล้วช่วงต้นปี กับงานใหญ่จาก APOT ที่จะลงนามในสัญญาในปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ TRC จะมี Backlog ระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญถึง 37,190 ล้านบาท
อนึ่ง ในเดือนม.ค.-ก.พ. 60 กลุ่มบริษัทได้รับงานแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 907.86 ล้านบาท แบ่งเป็นงานของ บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) โครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติไปยังสถานีบริการ NGV สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (น้ำพอง) จาก บมจ.ปตท.มูลค่างาน 58.14 ล้านบาท ระยะเวลา 353 วัน และงานของ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด ในโครงการขยายถนนกลัปพฤกษ์ และงานสาธารณูปโภคจากกรมทางหลวงชนบท การไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวง มูลค่างานรวม 849.72 ล้านบาท ระยะเวลา 900 วัน
สำหรับผลการดำเนินงานปี 59 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 3,697.30 ล้านบาท ลดลง 182.87 ล้านบาท จากปี 58 ที่มีรายได้รวม 3,880.17 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 290.76 ล้านบาท ลดลง 15.20 ล้านบาท หรือ 4.97% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 305.96 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.78% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 7.74%
ส่วนไตรมาส 4/59 มีรายได้จากการให้บริการก่อสร้าง 989.54 ล้านบาท ลดลง 318.39 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปี 58 ที่อยู่ที่ 1,307.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 จำนวน 133.32 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของแต่ละไตรมาสในปีก่อน เพิ่มขึ้น 34.30 ล้านบาท หรือ 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 99.02 ล้านบาท
นายภาษิต กล่าวว่า ในปีก่อนภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเศรษฐกิจโดยรวมมีการชะลอตัว เกิดการเลื่อนการประมูลงานหลายโครงการ ภาคอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างเกิดการแข่งขัน ในระดับสูงกว่าปีก่อน ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการและผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ลดลงจากปีก่อน แต่ก็ลดลงเพียงเล็กน้อยเพียง 4.7% - 5%
กลุ่มบริษัทฯ สามารถดำเนินงานโครงการในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นปี 59 ที่อยู่ที่ 20.30% รายได้จากการให้บริการก่อสร้างส่วนใหญ่มาจาก โครงการระยะยาวยกมาจากปี 58 คือ งานระบบท่อ มาจากโครงการ 1st Transmission Pipeline Life Extension Project 28" Recoating Section และโครงการวางท่อก๊าซไปยังจังหวัดนครราชสีมา ของ PTT และโครงการจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี ที่บริษัท สหการวิศวกร จำกัด ได้รับจากการประปาส่วนภูมิภาค
งาน Process & Plant มาจากโครงการ 450 TPD Biodiesel Plant โครงการ New Incinerator และโครงการจัดหา ทดสอบระบบเครื่องจักร และอุปกรณ์การผลิตบุหรี่ด้านกระบวนการผลิตยาเส้นพอง (M-01/2) จากโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง และงานโยธามาจากโครงการก่อสร้างถนนศรีนครินทร์- ร่มเกล้า ช่วงที่ 1 ของกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการต่าง ๆ ที่มีอยู่ในมือได้ถูกทยอยรับรู้ได้ตามขั้นตอนความสำเร็จของงานในปีก่อน ๆ ไปบ้างแล้ว จึงทำให้รายได้จากให้บริการก่อสร้างในปี 59 ลดลง โดย ณ สิ้นปี 59 กลุ่มบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,680 ล้านบาท แบ่งเป็นงานของทีอาร์ซี 3 โครงการ มูลค่างานคงเหลือ 2,479.93 ล้านบาท และงานของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด 3 โครงการ มูลค่างานคงเหลือ 1,999.66 ล้านบาท