นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ (BTW) กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีกอย่างน้อย 10% และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องตามสภาวะสินค้าโภคภัณฑ์รวมไปถึงการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากงานในมือ (backlog) ของบริษัทที่มีมูลค่า 945 ล้านบาท ณ สิ้นปี 59 ซึ่งโตขึ้นกว่า 24% จากสิ้นปี 58
บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 1. งานผลิตโครงสร้างเหล็ก ( Part Fabrication) ให้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ประกอบไปด้วย พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงาน BIOGAS 3. งานโมดูล ( Module ) ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากราคาสินแร่ต่างๆ และราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว
“การที่เบสท์เทค ซึ่งเป็นบริษัทแกนของ BTW มีความสามารถในการรับงานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการโครงสร้างเหล็กขนาดเล็กไปจนถึงงานโมดูล (Module) ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีกลยุทธ์การเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งบริษัทมีศักยภาพทั้งในด้านบุคคลากรและเครื่องจักรอันทันสมัย ประกอบกับการมีโรงงานอยู่ติดท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ อันถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าเลือกเราเป็นอันดับต้นๆ"นายโชติก กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 59 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ 1,897.07 ล้านบาท ลดลง 52.03 ล้านบาท คิดเป็น 2.67% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 58 โดยรายได้รวมปีนี้ไม่มีรายได้จากงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ (Modularization) แต่มีรายได้จากงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก (Parts Fabrication) 1,317.15 ล้านบาท และ งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร (Power Plant EPC Contractor) 464.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานรับเหมาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ และเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการในปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 59 กลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 107.53 ล้านบาท ลดลง 567.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 58 โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 5.67 % ของรายได้รวม